Tuesday, February 12, 2008

ผจญภัยกันต่อ

เอาหละแดดร้อนแล้ว เข้าไปดูความอลังการข้างในพิพิธภัณฑ์ที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งเรียนรู้ซากดึกดำบรรพ์ที่สมบูรณ์ที่สุด
ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กันดีกว่า
เปิดประตูเข้าไป ไอเย็นช่ำจากเครื่องปรับอากาศเข้ามาปะทะทันที จากนั้นเราก็มาเจอด่านต้อนรับแขกด้วยเจ้าหน้าที่หน้าตายิ้มแย้ม พร้อมกลิ่นกาแฟหอมกรุ่นที่อยู่ในมือ เล่นเอาพ่อกับแม่มองหน้ากันเพราะความอยากกาแฟพุ่งขึ้นมาทันที

เช้าๆอย่างนี้ กาแฟสักแก้วหละเยี่ยม แถวที่พักก็หาไม่ได้ซะด้วย หลังจากลงชื่อเยี่ยมชมเรียบร้อยแล้ว แม่ก็สอบถามเจ้าหน้าที่ว่ากาแฟนี้ท่านได้แต่ใดมา มีร้านขายที่นี่ไหม ได้ความว่าร้านเปิด 10:00 เออ!! รอไปก่อน

รู้จากเจ้าหน้าที่ว่าเดือนหน้าสมเด็จพระเทพฯ จะเสด็จมาเปิดอย่างเป็นทางการ ช่วงนี้ก็เปิดบริการให้ประชาชนเข้าไปแสวงหาความรู้ได้ตามความพอใจ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย


นี่...อลังการไหม ต้อนรับลูกปารย์ด้วย สยามโมไทรันนัส อิสานเอนซิส ที่ใครๆเข้ามาก็ต้องขอถ่ายรูปด้วย ดูชื่อก็บอกเลยนะว่าเป็นไดโนสายเลือดสยาม

นิทรรศการข้างในมีด้วยกันถึง 8 โซน ตั้งแต่จักรวาล และโลก ต่อมาก็สิ่งมีชีวิตแรกปรากฏ สิ่งมีชีวิตในยุคต่างๆ เรื่อยมาจนสุดท้ายคือเรื่องของมนุษย์ อันที่จริงแม่ถ่ายรูปไว้เยอะ แต่แสงข้างในไม่ค่อยเหมาะกับกล้องของเรา ภาพที่พอจะดูได้มันน้อยจัง


แฮ่ๆๆ ถ่ายรูปกับกระดูกไดโนเสาร์ที่ไม่รู้เกิดที่ไหน แต่ที่แน่ๆมาทิ้งกระดูกไว้ที่แผ่นดินอิสาน



ได้ความรู้จากแผ่นพับที่ได้รับแจก และแผ่นป้ายตามจุดต่างๆ ความว่ากระดูกเจ้ายักษ์ใหญ่เหล่านี้ล้วนเป็นแบบจำลองกระดูกไดโนเสาร์ที่พบซากในประเทศไทยทั้งสิ้น ซึ่งที่พบในปัจจุบันมี 16 สายพันธุ์ โดยมี 5 สายพันธุ์ที่ยังไม่พบอีกที่ใดในโลก



มุมนี้ มักมีอยู่ในกล้องของหลายๆคน



อีกหนึ่งมุมโปรดของปารย์ที่จำลองบรรยากาศโลกล้านปีในยุคต่างๆ พ่อกับแม่ต้องเดินวนเวียนอ่านให้ปารย์ฟังอยู่หลายรอบ

คืนแรกที่กาฬสินธุ์ ปารย์มีไข้ สงสัยจะตรากตรำไปหน่อย แม่กับพ่อเลยต้องผลัดกันตื่นมาเช็ดตัวให้ปารย์ หลังจากนอนหลับพักผ่อนเต็มที่ ปารย์ก็สร่างไข้และไปเที่ยวแดนไดโนกันต่อ

ก่อนหน้าที่จะมีการสร้างพิพิธภัณฑ์สิรินธรนี้ ทางวัดสักกะวันซึ่งเป็นวัดที่ตั้งอยู่ในบริเวณที่เป็นแหล่งกระดูกไดโนเสาร์ก็ได้มีการสร้างพิพิธภัณท์ และปั้นหุ่นไดโนเสาร์ชนิดต่างๆ ไว้ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ของประชาชน เจ้าอาวาสของวัดนี้ให้ความสำคัญกับการศึกษาไดโนเสาร์มากทีเดียว และท่านก็เป็นคนแรกที่พบกระดูกไดโนเสาร์ในบริเวณนี้

หลังจากเยือนด้านในพิพิธภัณฑ์สิรินธรซะเป็นที่พอใจของปารย์แล้ว เราก็เข้าไปที่วัดซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกันนั่นเอง

(ในที่สุดก็มีคนสังเกตุว่า ภาพที่แม่ใช้ปารย์ใส่ชุด 2 ชุดสลับกันไปมา แหะๆ ก็ภาพมาจาก 2 วันที่กาฬสินธุ์ หนะ แต่แม่ไม่อยากเขียนให้เป็นบันทึกประจำวัน เอาแค่สรุปๆนะ ภาพเลยไม่ต่อเนื่องเท่าไร)



ด้านหน้าบ่อกระดูกไดโนเสาร์ ในเขตของวัดสักกะวัน



ที่นั่งน่ารักนี้ ไม่ได้แต่ถูกใจปารย์เท่านั้น แต่ยังถูกใจแม่กับพ่อด้วย



ภาพนี้เป็นกระดูกจริงของไดโนเสาร์ในหลุมขุด (เอจะเห็นไหมเนี่ยมันมืดจัง) นักวิจัยสัณนิฐานว่าบริเวณนี้เป็นแม่น้ำ และเจ้าไดโนเสาร์เด็กตัวนี้อาจจะจมน้ำตายขณะพยายามข้ามแม่น้ำ ข้อมูลนี้ได้มาจากป้ายอธิบายต่างๆ และจากมัคคุเทศน์น้อย นักเรียนโรงเรียนสหัสขันธ์ที่พยายามอธิบายเรื่องราวต่างๆได้น่าประทับใจจริงๆ



เจ้าพาราซอโรโลฬัศตัวนี้อยู่ในบริเวณของวัด สีสันดูจะซีดสักหน่อยเพราะรับใช้ประชาชนมานาน

ก่อนกลับที่พักแวะไปที่สวนหย่อมเล็กข้างๆ ศูนย์โอทอปร้าง ในบริเวณนี้มีไดโนปั้นอยู่หลายตัวเหมือนกัน แต่ที่สะดุดตาหนะก็นี่ต่างหาก



นี่ไงโคมไฟไดโน เจ๋งจริงๆ แต่ที่น่าเสียดายคือมีหลายตัวที่แตกเสียหาย คล้ายโดนขว้างปา เศร้าจริงคนไทย

ความประทับใจอีกอย่างของการมากาฬสินธุ์ครั้งนี้คือน้ำใจค่ะ น้ำใจของเจ้าของริมทุ่งรีสอร์ทที่เราพักอยู่ แกใจดีราวกับเราเป็นญาติ เริ่มต้นจากให้เรายืมมอเตอร์ไซด์ไว้ใช้โดยไม่เก็บค่าเช่า ให้ลูกชายพาเราเที่ยวบริเวณรีสอร์ท และยังพาเราไปส่งที่ท่ารถทัวร์อีกต่างหาก

เสียดายที่ไม่ได้ขออนุญาติเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก แต่อย่างไรก็ตามเราสามคนก็จำน้ำใจงามของครับครัวพี่เขาได้เสมอ พ่อบอกว่าถ้าปีหน้าถ้าปารย์ยังสนใจไดโนเสาร์อยู่เราก็น่าจะไปเยือนสหัสขันธ์อีก

Tuesday, February 05, 2008

แล้วเราก็ได้ไป ... ผจญภัยในโลกไดโนเสาร์ ๆๆๆๆๆๆ

แม่เล็งมานาน พ่อปารย์ก็บอกว่าเราต้องไปที่นี่ซะก่อนที่ปารย์จะเปลี่ยนความสนใจไปเป็นเรืองอื่นตามวัยของเขา อันที่จริงก็ไม่ได้ตั้งใจจะปลุกปั้นให้ปารย์เป็นนักบรรพชีวินหรอกนะ แต่อยากปลูกฝังให้ปารย์รักการเรียนรู้ ไดโนเสาร์ จึงเป็นสื่อยักษ์ใหญ่ ที่ปารย์สนใจ และแม่ก็อยากรู้

วันที่ 25 มกราคม เริ่มต้นกันที่สถานีขนส่งหมอชิตใหม่ ทั้งแม่และปารย์ต่างก็มาที่นี่เป็นครั้งแรกเหมือนกัน เออ! แม่ไม่ได้ไปภาคอีสานมานานขนาดนั้นเชียวเหรอ

รออยู่ไม่นานพ่อก็ตามมาสมทบ รถ บขส. VIP 24 ที่นั่ง 2 ชั้น ที่นั่งกว้างจนเราสามคนสามารถนั่งด้วยกันได้บนเก้าอี้ 2 ตัว ประมาณ ตีห้า เราก็ถึงสถานีขนส่งกาฬสินธุ์ พ่อกับแม่อ่อนข้อมูลไปหน่อย ลงจากรถก็งงๆ คิดว่าจะมีรถประมาณรถบัส ไม่ปรับอากาศจากสถานีขนส่งกาฬสินธุ์ ไปจุดหมายของเราคือ อ.สหัสขันธ์ แฮะๆ คนขับรถสามล้อบอกว่าต้องไปขึ้นรถสองแถวที่ตลาด เราเลยนั่งรถมอเตอร์ไซด์สามล้อคนละ 30 บาท (ปารย์ยิ้มหน้าแป้นที่ได้นั่งสามล้อ) ไปกินโจ๊กที่ตลาดก่อนไปกันต่อ พ่อค้าแม่ค้าที่ตลาดใจดีทุกคน พอรู้ว่าเราจะไปไหนก็แนะนำเส้นทางกันเต็มที่เรียกว่าไม่ต้องกลัวหลงกันเลยแหละ

สองแถวใหญ่ราคาคนละ 25 บาทพาเราจากตัวเมืองไป อ.สหัสขันธ์ ปารย์ก็สนุกสนานอีกนั่นแหละที่ได้นั่งสองแถว หันดูวัว ดูควาย ดูต้นไม้สารพัดชนิด ระหว่างทางโดนวัยรุ่น(ใหญ่) แซวนิดหน่อยว่านึกว่าปารย์เป็นผู้หญิง อะนะ ก็ขนตางอนซะขนาดนั้น

พอเข้าเขต อ.สหัสขันธ์ โฮะๆ ปารย์บอก “แม่มีไดโนเสาร์ด้วย” โอ้!! ไม่ได้มีตัวเดียว ระหว่างทางมีไดโนเสาร์ยืนอยู่เป็นระยะๆ ต้อนรับผู้มาเยือน ไม่ใช่เฉพาะปารย์หรอกนะที่ตื่นเต้น แม่เองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน ลงจากสองแถวเราก็นั่งมอเตอร์ไซด์ต่อเข้าไปที่พัก แฮะๆที่พักไกลจากถนนจัง แม่เลยลองถามเจ้าของรีสอร์ทว่าอยู่ที่นี่ออกไปข้างนอกยังไงค่ะ เจ้าของรีสอร์ทใจดีมากบอกว่าเอามอเตอร์ไซด์ผมไปใช้ละกัน ไม่ต้องเกรงใจ

ที่พักเป็น รีสอร์ทเล็กๆ อยู่ริมทุ่งได้ยินเสียงกระดิ่งผูกคอวัวกรุ๊งกริ่ง กรุ๊งกริ่ง ตลอด ด้านหน้าเป็นบ่อปลาชะโด เห็นลอยให้เห็นอยู่หลายตัว บรรยากาศดี เสียอย่างเดียวไม่มีหน้าต่างสักบาน พักผ่อนสักครู่เราก็พร้อมแล้วที่จะไปตะลุยโลกไดโนเสาร์กัน



เป้าหมายของเราคือ พิพิธภัณฑ์สิรินธร นั่นเอง







รอบๆ พิพิธภัณฑ์ มีไดโนเสาร์ใหญ่น้อยหลากชนิด อยู่ตามมุมต่างๆ ต้นไม้ที่ปลูกก็เหมือนจะถูกเลือกมาอย่างดีให้เข้ากับยุคสมัยของไดโนเสาร์ให้มากที่สุด ปารย์สนุกสนานกับการจัดท่าทางของตัวเอง และพ่อหรือแม่ถ่ายรูปคู่กับไดโนเสาร์


กับเจ้าโอวิแรปเตอร์

เจ้าแพคคีเซฟาโลซอรัสสองตัวนี่เอาหัวชนกันไม่ยอมเลิก ไม่เจ็บหัวกันบ้างหรือไงเนี่ย

ปารย์ พ่อ และ สยามโมไทรันนัส

นี่แหนน่ ปารย์ตัวโตขนาดทุบหัวไดโนเสาร์ได้เลยนะเนี่ย