Friday, September 28, 2007

หนี มือ เท้า ปาก ไประนอง 3

เยี่ยมชมเชิงวิชาการไปสองรายการละ เพื่อเป็นการแนะนำประเทศไทยให้หนุ่มน้อยรู้จักมาขึ้น แม่กับน้าเอ๋เลยพา Moto และปารย์ ไปดูบ่อน้ำพุร้อน ที่มีชื่อเก๋มากๆว่า "สวนรักษะวาริน" ซึ่งถ้าแปลไทยเป็นไทยก็น่าจะแปลว่าสวนน้ำเพื่อการบำบัด รักษา เทือกนั้นแหละนะ


บ่อพ่อ ที่ดูน่าเกรงขามจนปารย์ไม่กล้าเข้าไปยืนใกล้ๆ ปากก็บ่นให้แม่ถ่ายรูปเร็วๆ ปารย์ร้อนครับ


ลานนี้กิ๊บเก๋ มาก เป็นลานให้คนมานั่ง นอน ตามอัธยาศัย แต่มีข้อแนะนำว่าไม่ควรนั่ง หรือนอนเกิน 30 นาที และควรนอนบนผ้าปู ก็มันไม่ใช่ลานนั่งเล่นนะครับ มันเป็นวานสุขภาพ ที่ด้านล่างเป็นอะไรไม่ทราบ แต่พื้นอุ่นตลอดเวลา จนปารย์ต้องขี่หลังแม่ตลอดเวลาที่อยู่บนลาน แม่มันร้อน แมมันร้อน...


พยายามทดลองเอาขาแตะนำอุ่น


ข้ามสะพานกันเถอะแม่
แล้วเราก็เดินข้ามสะพานตามปารย์ไปนั่งกินอาหารกลางวันเป็น ส้มตำ น้ำตก ที่ โคตระแพง แบบแม่ งง งง...

Thursday, September 27, 2007

หนี มือ เท้า ปาก ไประนอง2

อาทิตย์ที่ผ่านมา กิจกรรมเยอะไปหน่อย เลยไม่ได้มาเขียนเรื่องไประนองต่อ แฟนประจำเรียกร้องว่าเมื่อไรระนอง 2 จะออกซะทีแม่เลยได้ฤกษ์ซะที
จากสะพานปลา เราก็เดินทางไปศูนย์วิจัยป่าชายเลยที่คลองหงาวกัน ตามคำแนะนำของ อาจารย์พี่เอ๋ ใช้เวลาจากตัวเมืองระนองไม่นานเลย สมกับคำแนะนำจริงๆ ที่นี่เป็นป่าชายเลนอุดมสมบูรณ์จริง การจัดการเพื่อต้อนรับผู้มาเยือนก็พอเหมาะดี ที่สำคัญปารย์ก็ชอบ เราเดินดูป่าชายเลนกันแบบตากฝนพรำๆเลยแหละ ก็ที่นี่ระนองนี่นะ ถ้ามาแล้วไม่เปียกฝนก็น่าจะถือว่ายังมาไม่ถึงระนอง แม่เลยให้ปารย์อมวิตามินซีซะเลย ป้องกันหวัดไว้ก่อน




แม้ฝนตกพรำๆ ปารย์ก็ไม่พลาดที่จะโพสท์ท่าถ่ายรูป ดูท่าเขาซะก่อน เล่นเอา Moto อมยิ้ม


ตามบันไดทางลงมีมอสขึ้นอยู่เต็มไปหมด ปารย์เลยชี้ไปตลอดทางลงว่า แม่มอส แม่นี่ก็มอส....


นี่เป็นหลักฐานของความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลนคลองหงาว "แม่หอบ" จ้า
หลังจากดูบ้านของตัวแม่หอบ ปารย์เกิดอาการง่วงนอนและหลับไปซะเฉยๆ มันแค่ครึ่งทางเองนะลูก แม่เลยต้องรับบทหนัก เป็น " แม่แบก"และในเวลาต่อมาก็กลายเป็น " แม่หอบแฮก" ไปเลย


ถ่ายรูปกับป้ายตามระเบียบครับลูก


Monday, September 17, 2007

หนี มือ เท้า ปาก ไประนอง 1

ป้าอิมโทรมาหาแม่ในเช้าตรู่ของวันที่ 10 ว่าป้าอิมคงต้องปิดเนอสเซอรี่ ประมาณ 1 อาทิตย์เนื่องจากมีเด็กน้อย 1 คนมีการของโรค มือ เท้า ปาก ค่ะ เออ!! ทำไงดีวันที่ 12-14 ก.ย. แม่ต้องไประนองซะด้วยสิ
พ่อก็กลับบ้านเย็นคงจะไปรับปารย์ที่โรงเรียนช้าเกินไป
พ่อบอกว่า งั้นแม่ก็พาปารย์ไปด้วยละกัน เลยเป็นที่มาของ trip เลี้ยงลูกโชว์แขก (เฮ้ย!! ญี่ปุ่น)
แม่กับน้าเอ๋มีแผนจะต้องพาหนุ่มญี่ปุ่นหน้ามน MOTO คุง ไปดูสะพานปลาที่จังหวัดระนอง และพยายามสร้างสรร แผนนำชมประเทศไทย ให้ดูเป็นวิชาการ กึ่งท่องเที่ยว เราออกเดินทางกันในเช้าวันที่ 12 โดยรถของที่ทำงานแม่ ปารย์ดูตื่นเต้นกับน้าเอ๋มากกว่าตื่นเต้นเส้นทาง กว่าจะถึงระนองก็เกือบห้าโมงครึ่ง
เช้า 13 ก.ย.
เริ่มต้นที่สะพานปลาขององค์การสะพานปลาตั้งแต่ 0630 อ้อนวอนปารย์ตั้งนานให้ใส่รองเท้าบู๊ตสีเขียวคู่ใหม่ที่เพิ่งซื้อมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ปารย์ทำท่าไม่อยากใส่บ่นว่ามันหนัก แต่ถ้าปารย์ไม่ใส่แม่จะหนักนะลูกเพราะปารย์จะต้องให้แม่อุ้มแน่ๆ ถ้าเจอพื้นแฉะๆ อย่างสะพานปลา สุดท้ายเพื่อเห็นแก่แม่นะ ปารย์จึงยอม




บรรยากาศทั่วไปที่สะพานปลา
งานนี้ลุงสุธรรมหัวหน้าทีมขององค์การสะพานปลาที่ระนอง มาช่วยเป็นคนนำชม บรรยาย ตอบข้อซักถาม ลุงสุธรรมบอกว่า ปลาที่ขึ้นท่าขององค์การถือว่าเป็นปลาขึ้นห้าง จะได้ราคาสูงกว่าที่อื่น เหตุผลนี่แม่ก็ไม่ค่อยแน่ใจนะว่าทำไม
ปลาที่ขึ้นท่าที่นี่เป็นปลาสัญชาติพม่า ซะเกือบ 100% ลูกค้าที่มาประมูลก็เป็นมาเลเซียซะเกือบ 50% และคนงานก็เป็นพม่ากว่า 80% โห inter จริงๆ ท่าเรือนี้



โห หมึกเยอะแยะเลย ลุงสุธรรมบอกว่าปีนี้หมึกขึ้นมากเป็นพิเศษ
พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าปีนี้ทะเลน่าจะผิดปรกติ (ถูกเผ่งเลยค่ะ)
งานนี้แม่ต้องชมปารย์เลยนะ เพราะทำตัวน่ารักมากเดินตามอย่างว่าง่าย ไม่มีงอแง ตอนแรกลุงสุธรรมจะพาปารย์ขึ้นไปนั่งรอบนสำนักงานก่อน เพราะกลัวว่าเวลาเขาร่อนเข่งกันจะหลบไม่ทัน แต่อะนะปารย์ก็คือปารย์
ไม่มีทางยอม ก็เลยต้องพากันเดินบุกดงปลากัน



ปารย์ชอบดูเจ้าโรนันเป็นพิเศษ เรียกแม่ให้ดูอยู่หลายรอบ คงเพราะรูปร่างที่แปลกตาไปจากปลาทั่วไปแหละนะ

Sunday, September 16, 2007

เกาะเกร็ด



แรงบันดาลใจ หลังอ่านหนังสือ ก๊วนชวนเที่ยว ทำให้แม่นึกถึงเกาะเกร็ด ว่าแล้วก็ยกหูโทรศัพท์ชวน แก๊งเที่ยวเจ้าเก่า แหะๆ ได้มา 1 ครอบครัว เที่ยวนี้ทีมงานประกอบด้วย ครอบครัวที่ 1 ยายสมหญิง แม่เปิ้ล และ น้องปารย์ และครอบครัวที่2 แม่เปิ้ล และ น้องปิ้งปิ้ง




ที่ท่าเรือวัดสนามเหนือ เตรียมตัวข้ามเรือไปเกาะเกร็ด







บนเรือข้ามฝาก ราคาประหยัด ผู้ใหญ่คนละ 2 บาท เด็กคนละ 1 บาท น้องปิ้งๆทำหน้าไม่ค่อยดี แม่เปิ้ลบอกว่าน้องปิ้งกลัวเรือค่ะ แต่แป๊บเดียวนะเดี๋ยวเราได้สนุกกันแล้ว


กองทัพต้องเดินด้วยท้องใช่ม่ะ พวกเราเลยหม่ำทันทีที่มาถึงเกาะเกร็ด ด้วยทอดมันหน่อกะลา และดอกไม้ชุบแป้งทอด


เด็กๆ ได้รับแผนที่ไปคนละ 1 แผ่น แผนที่นี้แม่ download มาจาก http://www.thaitambon.com/


เราเดินตามเส้นทางด้านหลังพิพิธภัณท์ของวัดปรมัยยิกาวาส ดูจากในแผนที่คือพอขึ้นจากเรือ เราก็เดินตรงไปเรื่อยๆ จนถึงวัดเสาธงทองได้เส้นทางประมาณเกือบ 1ใน3 ของเส้นทางรอบเกาะเกร็ด ตลอดเส้นทางก็แน่นอน เต็มไปด้วยของอร่อยๆ เฉพาะที่พวกเราแวะชิมก็ ได้แก่ ข้าวแช่ ส้มตำ ถั่วแป้บเบญจรงค์ (มีสีของใบเตย บีทรูส แครอท อัญชัน และฟักทอง) มะดันแช่อิ่ม ปลานิลไร้ก้างแดดเดียว (ปารย์ชอบมาก)


มาเกาะเกร็ดทั้งมี ถ้าเด็กๆไม่ได้ดูการสาธิตการปั้น ก็เหมือนไม่ได้มาถึงเกาะเกร็ด สินะ


เราได้เดินเข้าไปดูการสาธิตของโรงปั้นหมู่6


เหมือนจะง่ายนะ แต่ไม่ใช่ คุณน้าช่างปั้น บอกว่า กว่าจะคล่องก็หัดกันเป็นปี ตอนนี้เขาปั้นชามแบบนี้ได้วันละ 300-400 ใบเลยทีเดียว เด็กๆ ท่าทางอยากลองมั่ง


ปั้นเส็จแล้วก็วางเรียงบนไม้เตรียมนำไปผึ่ง


กองนี้ผึ่งแล้วครับ รอเผา


โหเขากำลังเผาถ้วยอยู่เลยครับแม่ แม่ถ่ายเร็วๆ ปารย์ร้อน!!

ช่วงนี้เกาะเกร็ดเขามีงาน (ไม่รู้มีทั้งปีหรือเปล่านะ) มีสาวๆชาวเกาะมารำไทยแบบชาวมอญให้ดูกันด้วย แต่ละคนอ่อนช้อยซะ ปารย์ตะลึงไปเลยดูการแสดงสร็จแล้วดาราหน้ากล้องก็ Post สิค่ะ



พร้อมกับแผนที่ เด็กๆได้รับโจทย์คนละ 4 ข้อ ซึ่งเด็กๆ จะสามารถตอบได้ถ้าได้เดินดู เดินกิน เดินคุย ที่เกาะเกร็ด ไอเดียนี้อย่างที่บอกไว้แต่ต้น แม่ได้มาจากหนังสือ ก๊วนชวนเที่ยว เท่าที่ประเมินดูจากความสนใจของเด็กๆ แม่คิดว่าไอเดียนี้ผ่านนะ เอามาใช้ได้อีกหลายงาน


แฮะๆ trip หน้าที่ไหนดีลูก

Wednesday, September 12, 2007

ปารย์กับสไกย์

....อาทิตย์ก่อน พ่อมีโอกาส ได้ไปอบรมต่างแดน แดนปลาดิบ อยู่ 5 วัน
ใจหนึ่งก็ตื่นเต้น ไม่ค่อยไปไหนไกล อีกใจ ก็คิดถึงปารย์ คนมันเคยทำกิจกรรมร่วมกันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะนอน อาบน้ำ กินข้าว

....พักหลังรู้สึกได้เลย ว่าพ่อติดปารย์ มากกว่า ปารย์ติดพ่อซะแล้ว

....แต่เนื่องด้วย สถานที่ที่ไป เป็นแดนปลาดิบ ขึ้นชื่อเรื่องเทคโนโลยีอยู่แล้ว กอรปกับ การมองการไกลของพ่อโดยการเป็นลูกค้าที่แสนดีของ ทรู คอร์ป ทำให้โลกระหว่าง ญี่ปุ่น กับ ทุ่งครุ ช่้างใกล้กันซะ จนปารย์บอกว่าพ่อไปตลาด ซะงั๊น

....เราพ่อลูกใช้ Skype คุยกันทุกค่ำ โดยปารย์จะมองเห็นพ่อ นั่งยิ้มแป้น นอนเล่นบนที่นอน อันคับแคบ หรือ ดูทีวี พี่ยุ่นไป ด้วยกล้องกระจิ๋ว บน Note Book ขณะที่บางครั้งปารย์ก็พยายาม นำเสนอสิ่งต่างๆ ให้พ่อดู แต่ขอโทษ ไม่ได้นึกว่าจะต้องใช้กล้องที่บ้าน เลยไม่ได้เตรียมไว้ แม่เล่าว่า ปารย์ก็จะไม่วายเล่นอยู่กับของเล่น แต่จะลากเอาไมโครโฟน สำหรับพูดให้พ่อได้ยินด้วย และหันมามองพ่อบนหน้าจอเป็นระยะ ๆ

....แค่นี้ก็รู้สึกว่าพ่อไม่ได้ไปไหนไกลปารย์แล้ว กลับมาเรายังคุยเรื่องที่ค้างคา เพราะปารย์ง่วงนอนไปซะก่อนได้ สิ่งที่พบอีกอย่างคือ หากพ่อไม่เปิดกล้องให้เห็นหน้า ปารย์ก็จะไม่ยอมมาคุยด้วย ซะงั๊น

....อย่างน้อยๆ พ่อก็เปลี่ยนค่าโทรศัพท์ หาปารย์ และแม่ปารย์ ไปเป็น ไดโนเสาร์ หนึ่งฝูงเล็ก ได้ด้วย

แต่ตอนนี้ ปารย์หนีพ่อไปเที่ยวระนองกับแม่ซะแล้ว คงต้องกลับมีพึ่งโทรศัพท์เหมือนเดิม บ้านเรายังไม่เหมือนญี่ปุ่น ต้องรอให้ปารย์กลับมาแสดงท่าทางประกอบเรื่องเอาเองนะ

Sunday, September 02, 2007

เที่ยวป้อม

อาทิตย์นี้ พ่อก็ไม่อยู่ แม่พี่ปิ้งก็ไม่ว่าง
ไปไหนกันดีหละปารย์
สุดท้ายก็เที่ยวใกล้บ้านกันดีกว่า
ป้อมพระจุลฯ เป็นคำตอบสุดท้าย

แม่เอากล้องใส่กระเป๋า ยกจักรยานขึ้นรถ
อุตส่าห์ไปแวะซื้อถ่านกล้องก่อน พอใส่ถ่านก็เพิ่งรู้ว่า
ในกล้องไม่มีการ์ดอยู่อะ อดเก็บรูปมาฝากเลย

ปารย์เข้าไปไหว้ ร.5 ที่ป้อมมาหลายครั้ง แต่ยังไม่ได้มีโอกาสขึ้นไปปีนป่ายเรือครู อย่างเรือหลวง แม่กลองเลย แดดร่มลมตกบนเรือหลวงแม่กลอง ที่อนุญาติให้เด็กๆ ได้เดินเข้าห้องนี้ ปีนบันไดนั้น หมุนปืนโน้น เล่นเอาปารย์ไม่ยอมลงจากเรือเลย แม่ชวนไปดูปีนเสือหมอบที่ป้อมปืน ตอนแรกก็ยอมเดินตามลงไปดีๆ แต่ยังไม่ทันจะก้าวพ้นบันไดขั้นสุดท้าย ปารย์ก็ตะโกนเรียกแม่ว่า " แม่ เรือจะออกแล้ว ขึ้นเรือเร็ว" ไม่ยอมลงจากเรือ แม่ก็ได้แต่เดินตามขึ้นเรือไปอีก

นี่ถ้าไม่ได้เจอครอบครัวที่ปารย์ตู่เอาเฉยๆว่าเป็นเพื่อนปารย์ ปารย์คงไม่ยอมลงจากเรือง่ายๆ ก็ระหว่างที่เจ้าปารย์กำลังเล่นหมุนปีนอยู่อย่างเมามันส์ มีสองหนุ่มน้อยวัยไล่เรี่ยกับปารย์มาร่วมแจม เท่านั้นแหละปารย์ก็ได้เพื่อนทันที ไม่ว่าครอบครัวนี้จะเดินไปไหนปารย์ก็จะเดินตามราวกับว่ามาด้วยกัน โดยหันมาตะโกนเรียกแม่เป็นระยะๆ ว่า "แม่เดินเร็วๆสิ เพื่อนจะไปแล้ว" เออเนียนจริงๆ ลูกตรู แม่ชวนอยู่ตั้งนานไม่ไป พอเพื่อนจะไป ไปด้วยทันที เราสองคนเลยได้ดูเรือหลายรอบ และได้ดูป้อมปีนเสือหมอบในที่สุด

ปิดท้ายวันเที่ยววันนี้ด้วย เดินเล่นดู ปู ปลา นก ต้นไม้.... บนทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลย ซึ่งปารย์ก็สนุกได้ทุกครั้งไม่ว่าจะไปเดินที่ไหน เที่ยวนี้ถือเป็น เที่ยวใกล้บ้านที่สนุก และทั้งลูกและแม่ก็ไม่เหนื่อยเกินไปด้วย และปารย์ได้ขี่จักรยานด้วยคุ้มจริงๆ

แต่งงาน

สงสัยช่วงนี้มีฤกษ์ ดีหลายวันนะ เพื่อนๆ จึงตัดสินใจแต่งงานกัน ภายในไม่ถึง 2 อาทิตย์ แม่พาปารย์ไปออกงาน แต่งถึง 2 งาน
ขำตอนชวนไปงานที่สองนี่แหละ พอแม่ชวนว่าปารย์เราไปงานแต่งงานกันครับ
"อ้าวแม่ ก็ปารย์กับ แม่แต่งงานไปแล้วไง " ปารย์ตอบ (พร้อมทำหน้าเซ็งๆ)
เล่นเอาแม่ขำกลิ้ง