Tuesday, March 29, 2005

สวดมนต์

ผมเห็นแม่นั่งพนมมือ แล้วพูดๆ ๆ อะไรสักอย่าง ซึ่งคงไม่ได้พูดกับผมแน่นอน เพราะไม่เห็นแม่สบตาผมเลย สักพักแม่ก็ก้มลงไป เอาหัวกับมือไปซุกกับหมอน แม่ทำอย่างนี้เกือบทุกคืนก่อนนอนนะถ้าไม่ง่วงเกินไป ผมไม่เข้าใจหรอกว่าแม่ทำอะไร


เมื่อคืนตอนแม่กำลังทำอย่างที่เล่ามาแล้ว ผมก็เลยลองทำบ้าง ก็แค่นั่งข้างๆแม่ เอามือมาชนกัน แล้วส่งเสียงออกมา สักพักแล้วก็เอามือสองข้างไปซุกที่หมอนแม่ ผมทำอยู่สองครั้ง พอแม่เลิกทำแล้ว แม่หอมผมฟอดใหญ่ แล้วพูดว่าลูกปารย์เก่งจัง ...สวดมนต์...ได้แล้ว ดูแม่จะปลื้ม มากๆๆๆ ที่ผมทำตาม สงสัยไม่ค่อยมีใครทำตามมั้ง...

Friday, March 25, 2005

Wednesday, March 23, 2005

เมื่อผมอายุ 1ขวบ 4 เดือน

สวัสดีครับ...
ผมหายไปนานหลายเดือนเลย แต่ผมคิดว่ามิตรรักนักอ่านทุกท่านคงเข้าใจ ก็บันทึกที่ผมเขียนมันเป็นบันทึกพัฒนาการใช่ไหมครับ แต่หลายเดือนที่ผ่านมา ผมแทบไม่มีพัฒนาการอะไรใหม่ๆ ผมก็เลยไม่มีอะไรจะเขียน (ผู้ใหญ่เขาเรียกว่าข้ออ้างครับ) ถึงมันจะฟังดูเป็นข้ออ้างไปหน่อย แต่มันก็อยู่บนพื้นฐานของความเป้นจริงกว่า 50% นาครับ คือพัฒนาการของผมในตอนนี้ก้ไม่ได้มีอะไรคืบหน้าไปกว่าการเดินได้ไปสักเท่าไรเลย จะให้สวัสดี บ๊ายบาย ส่งจูบ ก็พอได้อยู่ครับ แต่ไม่ถึงขนาดกดปุ่มทำได้ตามคำสั่งเหมือนเด็กบางคน พูดก็ยังไม่ได้ครับ อันนี้จะว่าผมไม่ได้นะครับ ทีคนบ้านย่าพูดภาษาใต้ คนบ้ายายพูดภาษากลาง บิ๊กเบิร์ดพูดภาษาอังกฤษ ผมยังไม่เคยว่าเลย ผมรับฟังทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ยิ้ม... หัวเราะ...บ้างประปรายแล้วแต่อารมณ์ ญาติผู้ใหญ่ ใครๆมาทักผม ผมมักตีหน้าเรียบเฉยครับ คือมันเป็บบุคลิกส่วนตัวนะครับ แต่ผมมักโดนบ่นว่า
แหมไม่ยิ้มเลย
ยิ้มยากจัง
อะไรประมาณนี้ ผมว่าเป็นเด็กเล็กนี่ลำบากไม่น้อยไปกว่าพวกดาราเลยนะครับ ต้องคอยยิ้มให้คนนั้นคนนี้ ไม่งั้นจะโดนว่า ถ้าเป็นแบบนี้โตขึ้นผมเปลี่ยนใจไม่เป็นดาราแล้วดีกว่า ถึงแม้จะรู้ตัวมาตลอดว่าตัวเองหล่อมากก็ตาม ไปเป็นยามหรือนักกีฬาเดินทนคงจะเข้าทางมากกว่า เพราะผมยังคงไม่ยอมนอน และเอาแต่เดินไปเดินมา นับรวมระยะทางในหนึ่งอาทิตย์ ผมว่าคงไม่น้อยกว่าระยะทางกรุงเทพ-อยุธยา แน่

ดูเหมือนผมจะเป็นแค่เด็กน่าเบื่อๆ คนหนึ่งใช่ไหมครับ ผมรู้ครับว่าชีวิตผู้ใหญ่ก็น่าเบื่อ ซ้ำซาก ก็อยากจะมาหาอะไรแปลกใหม่ให้ชุ่มชื่นหัวใจจากเด็กๆบ้าง แต่กลายเป็นว่าผมเอาแต่เดินไปเดินมา ไม่พูดไม่จา ไม่ยิ้ม ไม่แย้ม ต่างจากเด็กหลายคนที่อายุ 1 ขวบ กับ 4 เดือนแบบนี้ กำลังน่ารักเลย ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงก็คงจะ จ๊ะ จ๋า คะ ขา น่าหมั่นไส้ ถ้าเป็นเด็กผู้ชายก็คงจะซุกซน ยิ้ม หัวเราะ ทำหน้าทะเล้น เจอเพลงโฆษณาในทีวี สนุกๆ ก็คงจะร้องตาม เต้นตาม เป็นที่น่าเอ็นดู แต่ผมขอยื่นยันครับว่ามันเป็นบุคลิกส่วนตัว ผมพอใจจะเดินไปมา หาค่าความชื้นสัมพัทธ์ที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ พอใจจะใช้ฝ่าเท้าสัมผัสพื้นผิวที่แตกต่างกันของ อิฐ ปูน ทราย ไม้ สนามหญ้า พื้นดิน พอใจจะหยิบจับของชิ้นเล็กชิ้นน้อย ไม่ว่าจะเป็นเศษกระดาษ เศษขนมปัง ชิ้นส่วนตัวต่อ ที่ดูเหมือนๆกัน ซ้ำไปซ้ำมา เพราะรู้ว่าอะไรที่ดูเหมือนๆกัน อาจจะไม่ได้หมายความว่า ทุกชิ้นเหมือนกันจริงๆ

ผมเคยได้ยินพวกผู้ใหญ่สอนให้เด็กที่โตแล้ว ให้มีความเป็นตัวของตัวเอง ผมอาจจะแก่แดดไปสักหน่อย ที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูงตั้งแต่ยังไม่สองขวบ ผมรู้ว่าคาแรคเตอร์ของตัวเองเป็นแบบนี้ หล่อ เข้ม ยิ้มยาก พูดน้อย (พูดยังไม่ได้) แต่ฉลาด ลุ่มลึก ผมแค่อยากจะรักษาคาแรคเตอร์ของตัวเองเอาไว้ อุ๊ย... ฟังดูเป็นดาราระดับซุปเปอร์สตาร์ ยังไงก็ไม่รู้นะครับ แหมของอย่างนี้มัน Born to be น่ะครับ ช่วยไม่ได้จริงๆ

Thursday, March 10, 2005

จันทบุรี

เดือนก่อน (กุมภาพันธ์) หลังวันแห่งความรัก พ่อ พาผมไปเที่ยว จ.จันทบุรี
ผมก็สนุกนะซิ ได้ดูทะเลด้วย โอ๊ย มันช่างกว้างใหญ่อะไรเนี้ย นึกว่าใหญ่ว่าสระที่หมู่บ้านซักหน่อยเดียว

แล้วพ่อยัง จับผมลงไปด้วย สยอง!! แต่อย่่างอื่นนะดีหมดเลย มีห้องให้เดินเล่นกว้างขวาง
แม่พาผมเดิน เข้าป่า มีน้ำอยู่ด้านล่าง เดินหาอะไรกันก็ไม่รู้ ไม่เห็นมีใครเลย แล้วหาเจอหรือเปล่าก็ไม่รู้
มีส้มเชียงใหม่ที่ร้านข้าวใกล้ๆอร่ิอยมาก เจอคุณลุงใจดี

เมื่อไหร่ พ่อจะพาผมไปอีกน่า....

ทะเล!!! Posted by Hello