Friday, March 28, 2008

ปารย์โตแล้ว ???

ช่วงนี้ แม่กับพ่อ มักได้ยินปารย์พูดบ่อยๆว่า ปารย์โตแล้ว ปารย์อยู่ อ.2 แล้ว ปารย์อยู่ห้องผักกาด แม่เข้าใจว่าคุณครูคงจะพูดให้ฟังบ่อยๆ ปารย์เลยจำได้ แต่แม่ว่าปารย์ ไม่ in กับมันเท่าไรเลย

เมื่อเช้าปารย์ให้แม่เข้าไปส่งในโรงเรียน ที่เก้าอี้วางกระเป๋าเหมือนเดิม เหมือนเมื่อตอนอยู่ห้องแมลงปอ แม้ครูจะพยายามพูดว่าน้องปารย์โตแล้ว เดินเข้าไปในโรงเรียนเองได้แล้วครับ แต่ปารย์ยังคงเดินก้มหน้าไม่ยอมมองครู ลากแม่เข้าไปในโรงเรียนเหมือนเดิม

วันปรกติ ปารย์จะให้แม่รอจนกว่าปารย์จะวางกระเป๋า หันมาสวัสดี และบ๊ายๆแม่ แล้ววิ่งตรงไปที่สนามเด็กเล่น ดูน่าเอ็นดูเชียว

วันไม่ปรกติเช่นวันนี้ ปารย์ไม่ยอมวางกระเป๋า “ปารย์อยากไปทำงานกับแม่” ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แม่พยายามอธิบายว่าแม่ต้องทำงาน ปารย์ต้องเรียนหนังสือ และอีกมากมาย จนสุดท้ายแม่เดินออกจากโรงเรียน ปารย์ร้องไห้จ้า โดยมีครูดึงมือเอาไว้ที่หน้าโรงเรียน

เหมือนเมื่อตอนเตรียมอนุบาล เหมือนเมื่อตอนอนุบาล 1 อืม...น่าสงสารดีไหม ปารย์อาจใจเสียที่เห็นน้องเล็กๆที่คุณครูเดินจูงมือมารับปารย์ด้วยร้องไห้หาแม่ หรือไม่ก็เข้าข่ายเป็นพฤติกรรมเลียนแบบน้องเล็กคนนั้น

อันที่จริงอาการร้องไห้ตามแม่ ก็มีมาเป็นระยะ ๆ ตั้งแต่อยู่เตรียมอนุบาล แม่คิดว่าพอขึ้นอนุบาล 1 ก็จะหาย พออยู่อนุบาล 1 แม่ก็คิดว่า อยู่อนุบาล 2 ก็จะหาย แม่เห็นปารย์เล่าเรื่องที่โรงเรียนแล้วก็ดูปารย์จะมีความสุขดี แต่ตอนนี้ก็ อนุบาล 2 แล้วนะ ปารย์ยังมีการที่แม่ต้องคอยลุ้นว่าวันนี้จะเดินออกจากโรงเรียนเหมือนแม่ทั่วไป หรือว่าจะเป็นเหมือนแม่ใจร้ายทิ้งลูกไว้ที่โรงเรียน เอ้อ!!! ปารย์โตแล้ว...

Wednesday, March 19, 2008

วิชาสังคมศึกษา

เมื่อวานตอนเย็น ปารย์รีบกลับบ้านเพื่อจะเอาไข่ไดโนเสาร์ที่แม่ลูกช่วยกันทำในคืนก่อนหน้านั้นไปอวดเพื่อนๆในซอย ปารย์คงคิดในใจว่าเพื่อนๆ ต้องตื่นเต้นที่ได้เห็นไข่ไดโนเสาร์อย่างที่ตัวเองตื่นเต้น และจะต้องมามุงดูกันให้ปารย์ได้เป็นผู้จัดการการเข้าชมเหมือนกรณีที่ปารย์เอาของเล่นอื่นๆ ไปอวดเพื่อนๆ แม่คิดว่าปารย์คงจะรู้สึกถึงการมีอำนาจเหนือ เมื่อตัวเองมีของเล่นอยู่ในมือ จึงมักพยายามขนของเล่นในบ้านออกไปให้เพื่อนๆเล่น แล้วตัวเองเป็นผู้ควบคุมการเล่น ก็ทำไงได้ในเมื่อตัวเองเป็นเด็กเล็กที่สุดในกลุ่ม เด็กที่โตกว่าทั่วไปก็ไม่ค่อยอยากจะเล่นกับเด็กเล็กสักเท่าไร ก็ต้องอาศัยอุปกรณ์เสริมพลังกันหน่อย

แต่วันนี้ไม่เหมือนวันที่ผ่านมาเพราะวันนี้เพื่อนในซอยมีน้องแนนรวมอยู่ด้วย น้องแนนเป็นเด็กฉลาด อายุมากกว่าปารย์ไม่ถึงปีแต่มีพัฒนาการดีมาก และมีบุคลิกการเป็นผู้นำตามธรรมชาติอยู่ในตัว น้องแนนเองก็มีอุปกรณ์เสริมพลังเป็นของเล่นมากมายในบ้านเช่นกัน และดูเหมือนจะเหนือกว่าปารย์เพราะหลายชิ้นเป็นของเล่นราคาแพงซะด้วย

พอปารย์เดินถือไข่ไดโนเสาร์ที่ทำจากกระดาษหนังสือพิมพ์ เดินไปด้วยใบหน้าภาคภูมิใจสุดๆ ปากก็ร้องเรียกเพื่อนๆให้มาดูไข่ไดโนเสาร์กัน พอไปถึงลานรวมเด็กหน้าศาลในซอย น้องแนนพูดว่า “ไม่เห็นจะอยากดูเลย” เท่านั้นแหละความมีอำนวจเหนือของปารย์ก็ย้ายข้างไปอยู่ที่น้องแนนทันที แม่ไม่รู้เหมือนกันว่าน้องแนนไม่อยากดูจริงๆหรือเปล่า และเด็กคนอื่นรู้สึกอย่างไร แต่ในเมื่อผู้นำตามธรรมชาติพูดอย่างนั้น ผู้ตาม ตามธรรมชาติ ก็ “ ไม่เห็นจะอยากดูเช่นกัน”

ปารย์ถึงกับผิดหวังทำหน้าเศร้า ทำหน้าโกรธ เรียกเพื่อนให้มาด "ูเร็วๆ เดี๋ยวปารย์จะเข้าบ้านแล้วนะ" "เดี๋ยวปารย์จะโกรธแล้วนะ" สารพัดจะพูด แต่เด็กคนอื่นก็ยัง “ไม่เห็นจะอยากดูเลย” เหมือนเดิม ปารย์ยังพยายามต่อไปด้วยการขอให้แม่ขนอุปกรณ์การทำไข่ไดโนเสาร์ไปนั่งทำหน้าศาล (แม่เองคงเป็นหนึ่งในอุปกรณ์เสริมพลังของปารย์เช่นกัน) แต่เพื่อนๆก็ยังไม่สนใจ สงสารก็สงสาร ขำก็ขำ

ฟ้าเริ่มมืดแม่ชวนปารย์กลับบ้าน ปารย์เดินไปบ่นไป ด้วยความผิดหวัง ยังมีอะไรต้องเรียนรู้อีกเยอะนะลูกโดยเฉพาะ บทเรียนวิชาสังคมศึกษาที่ต้องเรียนรู้กันตลอดชีวิต

Tuesday, March 18, 2008

ผลการไปโรงเรียน....

หลังจากปิดเทอมมาระยะหนึ่ง ปารย์ก็หอบเอาผลงานของอนุบาลหนึ่งเทอมสองกลับบ้าน มีทั้งกล่องที่เคยเป็นกล่องรองเท้า และขวดเล็กๆ ที่เคยเป็นเพียงขวดแก้ว แต่ด้วยฝีมือปารย์ และแน่นอน + ความช่วยเหลือของคุณครูแอร์ และครูเจี๊ยบ กล่องรองเท้าก็กลายเป็นกล่องใส่อุลตร้าแมนแสนสวย (สำนวนเจ้าปารย์เขาเลยนะเนี่ย) ส่วนขวดแก้วก็กลายเป็นแจกันที่มีปารย์ตั้งชื่อให้ว่า ปีโด้




ส่วนที่เหลือก็เป็นผลงานกิจกรรมในห้องเรียนในทำนอง หัดเขียน หัดอ่าน สมุดการบ้าน สมุดสะสมงานที่เป็นตัวแทนผลงานของนักเรียนเพื่อการติดตามพัฒนาการ และ สมุดรายงานประจำตัวนักเรียน

ในสมุดรายงานประจำตัวนักเรียนนั้นมีใบแนบซึ่งเขียนว่าผลการประเมินพัฒนาการด้านสติปัญญา ซึ่งน่าจะเป็นผลการสอบปลายภาค 3 วันที่แม่ไม่ได้คาดหวังอะไร เพราะแม่ไม่รู้ว่าคุณครูวัดอย่างไร แต่ตัวเลขคะแนนก็ทำให้แม่ปลื้มใจที่ปารย์มีพัฒนาการดีกว่าเทอมแรกมาก อะนะมันเป็นสิ่งที่แม่ไม่ได้คาดหวังสำหรับระดับชั้นอนุบาล

ที่เป็น highlight อยู่ตรงความคิดเห็นของครูต่างหากซึ่งน่าจะเป็นการประมวลสะสมทั้งเทอม โดยเฉพาะในด้านอารมณ์ จิตใจ และสังคม ที่ครูเขียนว่า น้องมีจิตใจอ่อนโยน รู้จักการขอโทษ และการให้อภัย มีน้ำใจ ใส่ใจ กับคนรอบข้าง เอื้อเฟื้อ แบ่งปัน ปฎิบัติตามกฎกติกา ข้อตกลง รู้จักการรอคอย พูดจาไพเราะ รักที่จะสร้างงานศิลปะ นี่เป็นสิ่งที่แม่คาดหวังอย่างแรง คาดหวังว่าทั้งที่บ้าน และโรงเรียนจะหล่อหลอมให้ปารย์เป็นเด็กน่ารักแบบนั้นแหละ ใช่เลย อันนี้คุณแม่ปลื้ม มากค่ะ อ่านทีไรก็อยากหอมแก้มลูก ที่น่ารักถูกใจแม่ ทุกที

Tuesday, March 11, 2008

นานเกินไปแล้ว!!!


...นานเกินไปแล้ว ที่ Blog ปารย์ ไม่ขยับ ด้วยปารย์เองก็มีวีรกรรม ทุกวัน แต่พ่อกับแม่ ไม่ว่างพอที่จะนั่งพิมพ์เรื่องราวต่างๆ ของปารย์ ไ้ด้ซินา

...ปารย์ปิดเทอมแล้ว นั่นหมายความว่า เทอมหน้า ปารย์ก็ขึ้น อ.2 (อนุบาลสอง) หากใครถามว่าปารย์ อยู่ชั้นไหนแล้วครับ ปารย์ก็จะตอบอย่างไม่ลังเล ว่าอยู่ชั้นสอง (มาตั้งแต่ปีที่แล้ว) เพราะห้องอนุบาลหนึ่ง โรงเรียนปานตะวัน อยู่ชั้นสอง!!!

...กิจกรรมก่อนปิดเทอมใหญ่ ซึ่งเป็นธรรมเนียมของโรงเรียนอนุบาล ที่มีแค่ชั้นอนุบาลสาม ก็คือการอำลา พี่ อ.3 ซึ่งแต่ละห้องเรียนก็เตรียมการแสดง อย่างขมักเขม้น เพื่อให้ประทับใจรุ่นพี่ ที่กำลังจะโบยบินออกไปสู่ โลกใหม่ (ละครไหม๊) ห้องแมลงปอ ของปารย์ก็เช่นกัน พ่อกับแม่ มีหน้าที่ คอยดูปารย์ ซักซ้อม ในแต่ละวัน พ่อโหลดเพลงที่ปารย์ต้องใช้ สำหรับการแสดง มาเปิดเพื่อให้ปารย์ ได้บรรยายกาศ การซ้อมที่สนุกสนานขึ้น ถึงแม้ ครั้งแรกจะผิดเวอร์ชั่น อ้อ เพลงที่ห้องปารย์เลือกใช้ คือ สุขกันเถอะเรา ซึ่งวันแรกๆ ปารย์บอกว่า เป็นเพลงสุขกันทำไม??? (นั่นนะซิ)

...บทสรุป การแสดงที่พ่อกับแม่ ลงทุนเตรียมการยืมกล้องวิดีโอ พ่อหยุดงาน แม่ลาป่วย สุดท้ายปารย์บอกกับแม่ว่า ปารย์อยากดูเพื่อนๆ แสดง (อ้าว!!) ปารย์ยอมเสียสละ ไม่ขึ้นไปเต้นกับเพื่อนๆ แต่ยินดีที่จะเกาะอยู่ข้างเวที ให้กำลังใจ เืพื่อนๆ ทุกคนเลย การมองเพื่อนจากด้านล่างเวที ย่อมได้มุมมองผู้ชม มากกว่ายืนอยู่ข้างๆ เพื่อนบนเวทีเสมอ

...