เมื่อวานตอนเย็น ปารย์รีบกลับบ้านเพื่อจะเอาไข่ไดโนเสาร์ที่แม่ลูกช่วยกันทำในคืนก่อนหน้านั้นไปอวดเพื่อนๆในซอย ปารย์คงคิดในใจว่าเพื่อนๆ ต้องตื่นเต้นที่ได้เห็นไข่ไดโนเสาร์อย่างที่ตัวเองตื่นเต้น และจะต้องมามุงดูกันให้ปารย์ได้เป็นผู้จัดการการเข้าชมเหมือนกรณีที่ปารย์เอาของเล่นอื่นๆ ไปอวดเพื่อนๆ แม่คิดว่าปารย์คงจะรู้สึกถึงการมีอำนาจเหนือ เมื่อตัวเองมีของเล่นอยู่ในมือ จึงมักพยายามขนของเล่นในบ้านออกไปให้เพื่อนๆเล่น แล้วตัวเองเป็นผู้ควบคุมการเล่น ก็ทำไงได้ในเมื่อตัวเองเป็นเด็กเล็กที่สุดในกลุ่ม เด็กที่โตกว่าทั่วไปก็ไม่ค่อยอยากจะเล่นกับเด็กเล็กสักเท่าไร ก็ต้องอาศัยอุปกรณ์เสริมพลังกันหน่อย
แต่วันนี้ไม่เหมือนวันที่ผ่านมาเพราะวันนี้เพื่อนในซอยมีน้องแนนรวมอยู่ด้วย น้องแนนเป็นเด็กฉลาด อายุมากกว่าปารย์ไม่ถึงปีแต่มีพัฒนาการดีมาก และมีบุคลิกการเป็นผู้นำตามธรรมชาติอยู่ในตัว น้องแนนเองก็มีอุปกรณ์เสริมพลังเป็นของเล่นมากมายในบ้านเช่นกัน และดูเหมือนจะเหนือกว่าปารย์เพราะหลายชิ้นเป็นของเล่นราคาแพงซะด้วย
พอปารย์เดินถือไข่ไดโนเสาร์ที่ทำจากกระดาษหนังสือพิมพ์ เดินไปด้วยใบหน้าภาคภูมิใจสุดๆ ปากก็ร้องเรียกเพื่อนๆให้มาดูไข่ไดโนเสาร์กัน พอไปถึงลานรวมเด็กหน้าศาลในซอย น้องแนนพูดว่า “ไม่เห็นจะอยากดูเลย” เท่านั้นแหละความมีอำนวจเหนือของปารย์ก็ย้ายข้างไปอยู่ที่น้องแนนทันที แม่ไม่รู้เหมือนกันว่าน้องแนนไม่อยากดูจริงๆหรือเปล่า และเด็กคนอื่นรู้สึกอย่างไร แต่ในเมื่อผู้นำตามธรรมชาติพูดอย่างนั้น ผู้ตาม ตามธรรมชาติ ก็ “ ไม่เห็นจะอยากดูเช่นกัน”
ปารย์ถึงกับผิดหวังทำหน้าเศร้า ทำหน้าโกรธ เรียกเพื่อนให้มาด "ูเร็วๆ เดี๋ยวปารย์จะเข้าบ้านแล้วนะ" "เดี๋ยวปารย์จะโกรธแล้วนะ" สารพัดจะพูด แต่เด็กคนอื่นก็ยัง “ไม่เห็นจะอยากดูเลย” เหมือนเดิม ปารย์ยังพยายามต่อไปด้วยการขอให้แม่ขนอุปกรณ์การทำไข่ไดโนเสาร์ไปนั่งทำหน้าศาล (แม่เองคงเป็นหนึ่งในอุปกรณ์เสริมพลังของปารย์เช่นกัน) แต่เพื่อนๆก็ยังไม่สนใจ สงสารก็สงสาร ขำก็ขำ
ฟ้าเริ่มมืดแม่ชวนปารย์กลับบ้าน ปารย์เดินไปบ่นไป ด้วยความผิดหวัง ยังมีอะไรต้องเรียนรู้อีกเยอะนะลูกโดยเฉพาะ บทเรียนวิชาสังคมศึกษาที่ต้องเรียนรู้กันตลอดชีวิต
No comments:
Post a Comment