Friday, June 29, 2007

เที่ยวแก่งกระจาน


กว่าจะได้ฤกษ์ มาเขียน Blog ก็ชนอาทิตย์พอดี คือเมื่อวันศุกร์ - เสาร์ที่ผ่านมา เจ้าปารย์ได้มีโอกาสไปเที่ยวแก่งกระจานรอบสองครับ รอบนี้เราอาศัยไปกับเพื่อนๆ ของพ่อที่ START เราไปค้างกันที่ พรฑณา รีสอร์ท(แอ.. ชื่อถูกเปล่าเนี่ย)วันศุกร์กว่าจะไปถึงที่พักก็เกือบ 3 ทุ่ม แฮะๆ เราก็ไม่รู้เลยว่ารอบๆรีสอร์ทเป็นอะไร สว่างหนะแหละถึงได้รู้ว่ารีสอร์ทอยู่ริมแม่น้ำที่ต่อมาจากเขื่อนเลย

รายการเที่ยวรายการแรกคือไปดูทะเลหมอกบนเขาพะเนินทุ่ง ออกเดินทางกันตั้งแต่ตีห้าครึ่ง ปารย์ก็งงๆเล็กน้อย แม่ยังมืดอยู่เลยอะ ระหว่างทางมีแวะซื้อน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ด้วยนะ

ทะเลหมอกบนพะเนินทุ่งยังสวยเหมือนเดิม ทางขึ้นพะเนินทุ่งยังลำบากเหมือนเดิม แต่เที่ยวนี้ไปรถรับจ้าง 4W เลยขึ้นได้สบายๆ ไม่เหมือนตอนพ่อขับขึ้นไปนะ ลุ้นระทึก


กินน้ำเต้าหู้ ดูทะเลหมอก

ระหว่างทางมีผ่านลำธาร 3 ที่ แต่ละที่ก็มีปลาให้ดูด้วยนะ เจ๋งจริงๆ ปารย์ดูจะสนใจกับลูกอ๊อด ตัวเท่านิ้วก้อยมากกว่า ปลา ส่วนตอนอยู่บนพะเนินทุ่ง ปารย์ก็ดูจะสนใจกับรังมด มากกว่าทะเลหมอก ที่ผู้ใหญ่ทุกคนตื่นเต้นกันใหญ่ เออ.. ไม่เป็นไรลูก ไม่จำเป็นต้องสนใจเหมือนใครนี่นะ




ขึ้นพะเนินทุ่งครั้งนี้ คนไม่มากน่าจะเป็นเพราะเข้าหน้าฝนแล้วอะนะ เราเจอแค่ 2 กลุ่มเล็กๆ เป็นทีมดูนกทั้งสองกลุ่ม อุปกรณ์เพียบ เห็นแล้วน้ำลายไหล พี่ชายใจดีให้แม่ กับปารย์ยืมกล้องมาส่องดูนกด้วย สวยจริงๆ แต่ปารย์ทำหน้างง ๆ


ลงจากพะเนินทุ่งเราก็ไปพายเรือยางกัน ปารย์ยิ้มหน้าบานเลยที่ได้จับพาย แต่แม่เมื่อยอะ เส้นทางที่นี่ไม่โหดนะ เด็กๆ ไปได้สบายมาก จากนั้นก็ถึงรายการเล่นน้ำ ตามระเบียบ ปารย์ยืนดูอาๆ เขาเล่นโดดหอ ไต่เชือกกัน หัวเราะเอิกอ๊าก อยากเล่นมั่งอะดิ แต่เสียใจงานนี้ต้องรอให้โตช่วยเหลือตัวเองได้ก่อนนะลูก


อืมเสียดายถ่ายรูปมาได้ไม่กี่รูปเอง มีแต่รูปตอนเรืออยู่ยนบก เพราะส่วนใหญ่จะเปียกกันทุกคน

Wednesday, June 20, 2007

ศิลปะปลายนิ้ว

แม้ไม่มีพู่กัน ( และแม้ไม่ใส่เสื้อ) เจ้าปารย์ก็ยังสนุกสนานกับการเล่นสีได้





ชื่อภาพ " ปลาวาฬ " (คนวาดเขาว่างั้น)
โดย " ศิลปินไม่ใสเสื้อ " (แม่กลัวเสื้อเลอะ)

Monday, June 18, 2007

ไปหาครูอี๊ด

สำหรับปารย์ไปหาครูอี๊ด แปลว่าไปเรียนดนตรี นั่นเอง หลายอาทิตย์ที่ผ่านมา แม่เหนื่อยใจมักๆ กับการไม่ให้ความร่วมมือในการเรียนดนตรีของปารย์ เออ.. ไม่ใช่ว่าจะไม่ยอมไปนะ ยอมไปแต่โดยดี บอกแม่ว่าอยากไปด้วยซ้ำไป แต่พอเริ่มเรียน อิ อิ หนังคนละม้วนครับท่าน ปารย์เอาของเล่นในห้องมานั่งเล่นมั่ง เข้าไปมุดอยู่ใต้เก้าอี้มั่ง บอกว่าปวดฉี่ แล้วออกไปวิ่งเล่นข้างนอกมั่ง คุณครูให้ทำอะไรก็ไม่ยอมทำ จนแม่ชักท้อว่าเราเริ่มเร็วไปหรือเปล่า เจ้าปารย์ยังไม่พร้อมหรือเปล่า อีกอย่างแม่ชักเขินแม่ของน้องตาล น้องอ้อ น้องโมนา ที่เรียนห้องเดียวกันแล้วสิ แบบว่าครูต้องเสียเวลากับเจ้าปารย์มากกว่าคนอื่น

อาทิตย์ที่ 5 เจ้าปารย์แผลงฤทธิ์ ปารย์สามารถเต้นตามเพลง ปรบมือ กระทืบเท้า หมุนตัว ... ได้ถูกจังหวะ สามารถกดคีย์บอร์ด ตามจังหวะได้ถูกต้อง เล่นเอาแม่ใจเต้นตูมตาม ปารย์ทำได้ ปารย์ทำได้ แม้ทำเป็นไม่สนใจเรียน

พ่อบอกว่า ลูกชอบแอบเรียน แม้จะมุดอยู่ใต้เก้าอี้ หันข้างนั่งเล่นของเล่น แต่ก็แอบเหล่ตามาดูครู และเพื่อนๆ ว่าเขาทำอะไรกัน เออเป็นวิธีการเรียนที่ประหลาดสำหรับแม่นะ แต่พ่อเขาเฉยๆ สงสัยจะเคยทำ

อิ อิ แต่เดี๋ยวแม่จะดีใจเกินไป พอครึ่งชั่วโมงหลัง ปารย์ก็เป็นเหมือนเดิม คือเลื้อย เล่น ทำตัวเป็นเด๊ก.. เด็ก แม่ว่าทำตัวอายุลดลงไปกว่า 1ปี นะ เริ่มฟังครูและแม่ไม่เข้าใจ เริ่มพูดไม่เป็นภาษามนุษย์ เออลูกฉัน

Thursday, June 14, 2007

ไม้หนีบผ้า

วันอังคารที่ผ่านมา แม่ลูกไปเดินจ่ายตลาด ที่ตลาดนัดหน้าหมู่บ้านกัน เราไปด้วยกัน แต่มีเป้าหมายต่างกัน แม่มีเป้าหมายอยู่ที่ร้านขายผัก และร้านขายผลไม้ ส่วนปารย์มีเป้าหมายอยู่ที่ร้านขายของเล่น และร้านขายปลา

ร้านขายปลานี่ ปารย์ชอบซื้อปลาดุกไปปล่อยครับ ปล่อยแล้วก็นั่งดู แต่ปลาดุกมันไม่ค่อยจะร่วมมือเท่าไรหรอกนะ ส่วนใหญ่พอลงน้ำได้ก็จะว่ายหายไป ไม่เป็นไรคราวหน้าซื้อมาปล่อยใหม่

ร้านขายของเล่นนี่มันคู่กับเด็กอยู่แล้วนิ ไม่มีเหตุผลใดๆ นอกจากความอยากได้ แม้ของที่มีแล้วก็อยากจะมีอีก แต่แม่มักไม่ค่อยใจอ่อน

อังคารที่ผ่านมา ปารย์อยากได้ของเล่นเหมือนเคย แม่เลยพาไปร้านขายของประมาณว่า ทุกอย่าง 15 บาทคงนึกกันออก ว่าขายอะไรบ้าง แน่นอนไม่มีของเล่น มีแต่ของใช้ แม่หยิบไม้หนีบผ้าหลากสี ให้ปารย์ แล้วจ่ายตังก์ 15 บาท ปารย์ทำหน้า งง งง "อะไรอะแม่ "

"ไม้หนีบผ้าครับ" อืมไม้หนีบผ้า แล้วปารย์ก็เดินถือกลับบ้านโดยลืมเรื่องของเล่นไปเลย

เรื่องของเรื่องคือ มีแม่ คนหนึ่งเขาแนะนำไว้ใน web รักลูกว่า การให้ลูกเล่นไม้หนีบผ้า บีบไปบีบมา กล้ามเนื้อมือจะแข็งแรง เขียนหนังสือได้ดี

แม่เลยจะลองดูมั่ง กะว่าถ้าปารย์ไม่เล่น แม่ก็เอาไปหนีบผ้า ไม่เสียหาย ได้ผลเกินคาดครับ แต่ไอ้ที่เกินคาดหนะ ไม่ใช่เรื่องกล้ามเนื้อมือแข็งแรงหรอกนะ เรื่องนั้นมันคงต้องดูกันยาวๆ มันเป็นเรื่องความเพลิดเพลินในการเล่นมากกว่า ปารย์เอาไม้หนีบผ้ามาหนีบต่อกันเป็นรูปโน้นรูปนี้ เป็นกวาง เป็นนก เป็นปืน เป็นพระอาทิตย์ ฯลฯ เล่นได้เป็นชั่วโมง ๆ ปารย์เล่นได้นานามากกว่าตัวต่อเลโก้ที่แม่กัดฟันควักกระเป๋าซื้อให้ซะอีก

อืม .. กระบี่มันอยู่ที่ใจจริงๆ

อะนะสำหรับปารย์ก็ต้องเป็นของเล่นมันอยู่ที่ใจ อะไร อะไร ก็เอามาเป็นของเล่นได้หนิ

Monday, June 04, 2007

ควันหลง ดอนหอยหลอด


พ่อเล่าเรื่องดอนหอยหลอดไปแล้ว แต่พ่อหารูปไม่เจอ ไม่มีรูปก็ขาดรสชาติไปนะ พอหารูปเจอ แม่เลยต้องเอารูปมาลงซ่อมซะหน่อย

ภาพแรก ลูกฉัน โต-ตระ-ระ ลุยเลย ดูดิ เท้ายังไม่ยอมให้ติดโคลนเลย เดือนร้อนยายกะแม่ ลากไปตลอด กว่าจะทำใจเหยียบโคลนได้...

พวกเราพยายามจิ้มปูนขาวลงรูกันอยู่นาน ก็ไม่ปรากฏหอยหลอดสักตัวพุ่งขึ้นมาเหมือนที่เคยดูในทีวี เกือบถอดใจ นึกว่าโดนหรอกให้ซื้อปูนขาวมาหยอดใส่รูแก้ดินเป็นกรดแถวนี้ ว่าจะไปร้องเรียนผู้ว่าฯอยู่แล้วเชียว โชคดีนะที่มีมืออาชีพผ่านมา โฮะๆ เธอหยอดปูนได้หอยมาเป็นถัง พวกเราเลยถึงบางอ้อ ว่าหอดนะมีอยู่จริง แต่พวกเราไม่มีปัญญาจะเอามันขึ้นมาเท่านั้นเอง อิ อิ



งานนี้เด็กๆสนุกสนานกันมาก ขาลุยสุดๆคงหนีไม่พ้น น้องหนุน นี่ถ้าคุณแม่ she ยอมให้ลงไปกลิ้ง ก็คงลงไปกลิ้งโคลนเล่นไปแล้ว ถัดมาก็น้องปิ้ง ที่เห็นน้องหนุนลุยโคลนท่าทางสนุกสนาน เลยลุยบ้างให้มันรู้กัน เหลือแต่คุณลูกปารย์ของแม่ที่กว่าจะคุ้นกับโคลนก็ได้เวลากลับพอดี ทำไงได้ที่บ้านมีแต่พื้นปูนนี่นะ