Monday, December 25, 2006

ไทยแลนดดดดด์ ปู๊ดปู๊ด

เพื่อเป็นการฉลองเนื่องในวโรกาส ครบ 60 ปีครองราช ของในหลวง พ่อเลยพาปารย์ ไปสานฝัน เชียรทีมชาติไทย ในสนามศุภชาสัย (เขียนยังไง) อ๊า!!! เกี่ยวกันไหม๊ครับ คือหลายคนบอกว่า พ่อมันอยากไปดูเลยอ้างปารย์เอา แต่ด้วยเหตุผลใดก็ตาม วันที่ 24 ธันวาคม 2549 ก็ถือเ้ป็นวันแรกที่ปารย์ และพ่อ เข้าไปเชียรทีมชาติไทย ด้วยกัน "ไทยแลนดดดดดด สู้สู้" ปารย์บอกพ่อว่า เอาปู๊ดๆ ด้วย เลยต้องเสียตังค์ ค่า ปู๊ดๆ อีกอย่าง แต่เหมือนเดิม เอาปากจ่อรู แล้วเปล่งเสียงเอาเอง ปู๊ดๆ (เมื่อไรจะรู้ว่าเค้าเป่าลมกันนะ พ่อโง่เองสอนไม่ได้เรื่อง) สิ่งที่เร้าอารมณ์ปารย์มากที่สุดน่าจะเป็นบรรดากองเชียร ที่อยู่ด้านหลัง มีทั้งกลองใหญ่ กลองเล็ก ปารย์โยกตัวตามจังหวะ โดยไม่สนใจว่า ทีมบอล VIP กับหนุ่มๆ จาก RS จะวิ่งไล่ฟุตบอลกันอย่างไร กว่าทีมชาติไทยจะเริ่มเตะ ปารย์ก็เริ่มหมดแรงเพราะ กลางวันก็ไม่ได้นอน แถมยังต้องโยกตัวตามจังหวะกลองอีก หลับ ครับ ปารย์หลับท่ามกลางเสียงเพลงเชียร กลองระทึกคึกโครม

กว่าจะตื่นได้เพราะไทยตีเสมอเวียดนามเป็น 1-1 กองเชียรยิ่งมัน ปารย์งัวเงีย ได้ซักพัก โยกตัวตามจังหวะเพลงเชียร ต่อ พ่อชวนให้กินนม กินขนมก็ไม่เอา จนหมดครึ่งแรก พ่อชวนปารย์กลับบ้าน "กลับบ้านเหรอ" ปารย์ถามพ่อตามความคุนเคย "อุ้ม พ่ออุ้ม" เราขับรถกลับบ้านกัน ขณะฟังการรายงานสด ฟุตบอลทางวิทยุ เมื่อไรที่มีคนตะโกนแทรกเข้ามา "ไทยแลนดดดดดด" ปู๊ดๆ ปารย์ก็จะทำท่าเป่า แต่เปล่า เสียงตัวเองครับ อย่างไรเสีย นัดแรกที่ปารย์เชียรทีมชาติไทย เป็นนัดที่ทีมชาติไทยชนะครับ

คราวหน้าพ่อชวนไปอีกนะ ไทยแลนดดดดด์ ปู๊ดๆ

Thursday, December 07, 2006

ไม่ click...

จากเด็กที่เดินได้เร็ว แต่พูดได้ช้า แม่เลยเข้าใจเอาเองว่าปารย์น่าจะเป็นเด็กประเภทที่พัฒนาการทางกายดี (อะไรที่ใช้แรงจะทำได้ดี 555) แต่ทฤษฎีของแม่ไม่ถูกซะละ ไม่รู้แม่ไปพลาดตอนไหน ทำให้จนป่านนี้ปารย์ยังถีบรถสามล้อ หรือรถสี่ล้อไม่เป็น พ่อกับยายบอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวก็เป็นเอง แล้วก็เดี๋ยวเป็นเองกันมาหลายปี (มากกว่า 1ปีก็ถือว่าหลายแล้วเนอะ) ทั้งรถสามล้อ และรถสี่ล้อยังเป็นของเล่นที่ปารย์ลากไปไหนมาไหน แทนที่จะถีบไปไหนมาไหน

เวลาเท้าอยู่บนแป้นถีบปารย์ก็จะออกแรงขาสองข้างพร้อมกัน อาจด้วยแรงเท่ากัน ฉะนั้นรถจึงอยู่นิ่งๆ เหมือนปารย์เล่นกายกรรมผาดโผนบนรถมากกว่ากำลังจะถีบรถ แม่ก็ทั้งจับเท้าให้ออกแรงสลับข้าง ทั้งเข็น ทั้งลาก ปารย์สนุกแต่แม่เหนื่อย เหมือนปารย์ยังไม่clickกับการถีบ

เมื่อวานนี้ทั้งพี่พันซ์ พี่แพท พี่ตั๊ก และพี่ไผ่ มาช่วยกันหัดถีบรถให้ปารย์กันใหญ่ ทั้งเข็น ทั้งเอาจักรยานตัวเองมาถีบให้ดู “ปารย์ๆ ต้องทำอย่างนี้ อย่างนี้” เห็นแล้วก็น่ารักดี เป็นความอาทรของเด็กๆเพื่อนร่วมซอย แต่ปารย์ก็ยังไม่click ไม่เป็นไรนะลูก วันนี้ไม่เป็น สักวันปารย์ก็ถีบเองแหละนะ แม่จะพยายามต่อไป

เห็นปารย์หัดถีบจักรยานแล้วก็นึกถึงตัวเองตอนหัดดำน้ำ (ผิวน้ำ) แม่จำได้ว่าแม่เป็นคนสุดท้ายในกลุ่มที่ไล่น้ำออกจากท่อ Snorkel ตอนขึ้นมาที่ผิวน้ำได้ เพื่อนๆพยายามมาบอกมาสอนให้ทำอย่างนั้น อย่างนี้ แต่แม่ก็ทำไม่ได้ สำลักน้ำก็หลายรอบ ก็ได้แต่ทำซ้ำๆไปเรื่อยๆ แล้ววันหนึ่งแม่ก็ click แล้วก็ทำได้ ปารย์อาจเหมือนแม่ตรงนี้ที่เรียนรู้ช้า แต่มันต้องตื้อ ไปเรื่อยๆลูก เดี๋ยวก็เป็นเองอย่างที่พ่อกับยายบอกนั่นแหละ

Wednesday, December 06, 2006

วังตะไคร้

เดือนธันวานี่ เป็นเดือนแห่งการเฉลิมฉลอง และท่องเที่ยวจริงๆ แม่กับปารย์มีโปรแกรมเที่ยวยาวเหยียด วันที่ 5 ธันวา เราสองคนแม่ลูกกระเตงกันไปเที่ยววังตะไคร้กับดรีมทีมเพื่อนแม่ (อีกแล้วครับท่าน) นี่ขนาดพ่อไม่อยู่ แม่เองก็ไม่มีปัญญาขับรถพาปารย์ไปไกลๆ เราสองคนก็ยังตะกายนั่งแทกซี่กันไป อาศัยรถเพื่อนไปเที่ยว อิ อิ งานนี้แม่ถือว่าเป็นการกระจายรายได้ที่น้อยนิดของเราไปสู่แห่งท่องเที่ยวในประเทศเพื่อพ่อ ไม่ได้เลยเราต้องเกาะกระแสทำเพื่อพ่อเอาไว้ด้วยนะปารย์

เราออกจากบ้านกันแต่เช้า หวังประหยัดมื้อเช้าโดยไปกินที่บ้านน้าเปิ้ล น้าแจ๊ค แล้วเราก็ไม่ผิดหวังจริงๆ น้าเปิ้ลทำกับข้าวไว้รอท่าอยู่แล้ว ดีจัง อร่อยด้วย

งานนี้พิเศษกว่าการเที่ยวครั้งอื่นเลยนะ เพราะเป็นการรวมคน 3 วัยไปในทัวร์เดียวกันทีเดียว มีทั้งเด็กอย่างเจ้าปิ๊งปิ๊ง ปารย์ ขนุน กัน และแพร วัยกลางๆ (ไม่อยากบอกว่ากลางคนเลย มันสะดุ้งยังไงไม่รุ) อย่างแม่ อาเจี้ยง โย่ง แจ็ค เปิ้ล น้องเขยโย่ง น้องสาวเปิ้ล แล้วปิดท้ายด้วยวัยมากประสบการณ์อย่าง พ่อ กับแม่ของโย่ง และแม่ของเปิ้ล เสียดายนะปารย์ที่แม่ไม่ได้พายายของปารย์ไปด้วย ไม่งั้นก็ครบทีมแม่ๆเลย

เราเริ่มต้นกันที่โรงเรียนนายร้อยจปร. เข้าไปชมวิวกันก่อน พอไปถึงน้ำตก โฮ๊ะๆๆ จะเป็นลม ยังกะตลาดนัดแหนะการเที่ยวน้ำตกวันหยุดนี่มันต้องทำใจจริงๆ ทำเป็นว่าเรามองไม่เห็นใครๆไปซะจะได้ไม่เครียด คนเยอะซะ แทบไม่มีที่ว่าง ฝ่ายสำรวจเราเลือกปูเสื่อใต้ต้นไม้ริมน้ำตกแล้วจึงไปสั่งอาหารยอดฮิตมาโซ้ย ก่อนลงน้ำ เด็กๆกินได้บ้างแต่ไม่มาก ทุกคนตื่นเต้นกับการจะได้เล่นน้ำตก และแย่งขนมกัน

ปารย์สนุกมากจนไม่อยากขึ้นจากน้ำเลยหละ อันที่จริงสนุกที่ได้เล่นน้ำอาจไม่เท่าไร แต่ดูปารย์จะสนุกกับการเล่นอุปกรณ์เสริมของน้องหนุนมาก แหม!!! น้องหนุนมีของชอบของปารย์ทั้งนั้น ทั้งปลอกแขนไดโนเสาร์ และปลาโลมาตัวโต น้องหนุนไม่ยอมลงเล่นน้ำ พี่ปารย์เลยรับอุปกรณ์มาเล่นหมด เสียดายแม่มัวแต่จับปารย์จนไม่ได้ถ่ายรูปตอนเล่นน้ำมา


.........................น้าโย่งกำลังจับปูใส่กระด้งถ่ายรูป......................

เด็กเอ๋ย เด็กดี...

งานวันพ่อ ครั้งแรกของปารย์ พ่อเสียดายมากที่ไปไม่ได้ ปารย์คงเข้าใจแหละ ก็พ่อต้องไปทำงานตั้งภูเก็ตอะครับจะแว้บกลับมาได้ไง

บรรยากาศก็วุ่นๆ แบบโรงเรียนอนุบาลแหละนะ เริ่มจากเข้าแถวเคารพธงชาติ กายบริหาร ร้องเพลง เดินแถวรถไฟกลับไปดื่มนม + ปัสาวะ ที่ห้องเรียน จากนั้นเด็กๆก็มาพร้อมกันที่ลานกิจกรรม

.............................บรรยากาศการเข้าแถว........................

กิจกรรมวันพ่อเริ่มต้น โดยให้เด็กอนุบาล 3 คนหนึ่งกล่าววัตถุประสงค์ของงาน ตัวแทนคุณพ่อของทุกระดับชั้น กล่าวความในใจ เด็กน้อยอนุบาล 3 กล่าวอาเศียรวาท เด็กๆเดี๋ยวนี้เก่งจัง ขึ้นไปยืนพูดบนเวทีได้อย่างสง่าผ่าเผย ไม่มีตื่นเต้น จากนั้นก็ตัวแทนนักเรียนรำถวายพระพร และกล่าวถึงการปฏิบัติตนของในหลวงต่อสมเด็จย่า เชิญตัวแทนคุณพ่อของแต่ละระดับชั้นขึ้นรับของจากกิจกรรม project approach ของเด็กๆ แล้วก็มีกิจกรรมมอบรางวัลเด็กดีจากแต่ละระดับชั้น อิ อิ กิจกรรมนี้เล่นเอาแม่ยิ้มแก้มแทบปริ ที่เห็นปารย์ขึ้นไปรับรางวัลกับเขาด้วย

..........................ขึ้นเวทีรับรางวัล...............................

อันนี้ไม่รู้ตัวมาก่อนนะค่ะ ก็ปารย์ไม่เคยเล่าเรื่องอะไรที่โรงเรียนให้แม่ฟังเลย พอครูประกาศว่าต่อไปจะเป็นการมอบรางวัลเด็กดี แม่ก็เห็นครูณี มาจูงน้องปารย์ออกไปเข้าแถวข้างเวที แม่ก็เลยรีบแจ้นออกไปเตรียมถ่ายรูป แต่อะนะฝีมือไม่ดี แม่เลยได้รูปน้องปารย์บนเวทีที่ไม่ค่อยจะดูดีเท่าไรมาให้ดูกัน

แม่มารู้ภายหลังว่าที่ปารย์ได้รางวัลนี้ก็เพราะในสมุดบันทึกความดีที่คุณครูจะส่งมาให้ดู และเขียนทุกวันศุกร์หนะ ปารย์มีจำนวนของความดีที่ทำมากที่สุดในเด็กๆปอเตรียมด้วยกัน ความดีของเด็กชายปารย์ที่คุณครูเขียนมาก็เช่น ดื่มนมหกแล้วเอาผ้ามาเช็ด เอากล่องนมทั้งของเพื่อนและของตัวเองไปทิ้งถังขยะ ช่วยครูปูที่นอน ส่วนที่แม่กับพ่อเขียนไป ก็เช่นหยอดกระปุก แบ่งขนมให้พ่อกิน ช่วยแม่หั่นผัก ช่วยแม่ขัดห้องน้ำ


........................กับรางวัลเด็กดี..................................

ตอนท้ายของงานเป็นให้เด็กทุกห้องมอบของที่ระลึกวันพ่อ กับคุณพ่อ แม่เลยเป็นตัวแทนขึ้นเวที รับจากปารย์แทน ของที่ระลึกเป็นหัวใจเข็มกลัดทำมือ กับขวดมะขามแก้ว หัวใจนี่แม่เก็บไว้ให้พ่อแล้ว แต่มะขามแก้วปารย์จัดการเรียบร้อย เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าลูกกินมะขามเป็น

........................โครงการมะขามแก้ว ของห้องสับปะรด...................

Thursday, November 30, 2006

กลับบ้านมืด ….. ฉลองวันเกิด

วันครบรอบ 3 ขวบของปารย์ แทนที่แม่กับพ่อจะรีบกลับบ้านเร็ว มาเล่นกับปารย์ แต่ทำไม่ได้เพราะแม่ติดประชุมอยู่ในกลางกรุงเทพ ส่วนพ่อก็เตรียมจัดงานประชุมอยู่กลางกรุงเทพเช่นกัน ปารย์คงอยากถามว่าประชุมคืออะไร ทำไมพ่อกับแม่ต้องเกี่ยวข้องกับเจ้าประชุมนี่ด้วย แต่ปารย์ก็ยังคงเป็นเด็กที่สงวนคำพูด เสมอ และคงไม่รู้จะทำมืออย่างไรให้แม่เข้าใจคำถาม เลยไม่ถามดีกว่า

แม่ไปแต่เช้าก่อนปารย์ตื่นซะอีก ก็เลยเป็นหน้าที่ของพ่อไปส่งปารย์ที่โรงเรียน ก่อนปารย์ลงจากรถพ่อบอกปารย์ว่า “วันนี้พ่อไปรับช้าหน่อยนะ”

ตอนค่ำแม่กำลังนั่งแท็กซี่กลับบ้านจะรีบไปรับปารย์แทนพ่อที่บ้านเด็ก พ่อติดอยู่แถวสุขุมวิท กว่าจะถึงคงค่ำมาก สักพักมีโทรศัพท์จากโรงเรียนมาถึงแม่ ถามว่าทำไมคุณแม่ยังไม่มารับปารย์อีก โห โห โห แม่ใจหายแวบ ก็แม่ให้ปารย์นั่งรถโรงเรียนกลับไปที่บ้านเด็กทุกวัน แล้วทำไมวันนี้ปารย์ยังค้างเติ่งอยู่ที่โรงเรียนอีกหละ

คุณครูบอกว่าครูที่ไปรับปารย์ที่รถตอนเช้าทราบจากพ่อว่าวันนี้จะมารับเอง(เนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดปารย์) สุดท้ายแม่ถึงได้เข้าใจว่าที่พ่อพูดกับปารย์ว่าตอนเย็นจะมารับช้าหนะ (รับที่บ้านเด็ก) คุณครูเข้าใจว่าพ่อพูดกับครู และคงเห็นว่าเป็นวันเกิดปารย์ อาจจะมารับเองไปฉลองกัน แป่ว......

แม่หนะ...เป็นห่วงกลัวปารย์จะหิว กลัวจะใจเสียที่เหลืออยู่คนเดียวที่โรงเรียนกับครู มืดแล้วด้วย แต่ปารย์เข้มแข็งกว่าที่แม่คาดนัก แม่ไปถึงเห็นปารย์กำลังนั่งกินข้าวกับครูเย็น หน้าจ๋อยๆ เล็กน้อยแต่ไม่ร้องไห้ คนที่เกือบร้องไห้กลับเป็นแม่ไป

Sunday, November 26, 2006

3 ขวบ แล้วครับ

และแล้วปารย์ก็ครบรอบ 3 ขวบ เวลาผ่านไปเร็วจังแม่ยังรู้สึกเหมือนปารย์เพิ่งคลอดมาได้ไม่นานนี่เอง

และแม้จะ 3 ขวบแล้วลูกปารย์ของแม่ก็ยังหวงคำพูดอยู่เหมือนเดิม ไม่ใช่พูดไม่ได้นะ แต่ยังนิยมบริหารนิ้ว และท่าทางเมื่ออยากได้อะไรเหมือนเดิม หลายคนบอกว่าไว้อีกหน่อยเถอะจะพูด จะถามจนขี้เกียจตอบ พ่อกับแม่หนะอยากตอบจะแย่อยู่แล้ว แต่อะนะก็พ่อกับแม่ต่างก็เป็นคนพูดน้อย แล้วจะให้ลูกพูดเก่งไปได้อย่างไร

.................ปารย์ พี่กานต์ และพี่นาม....................


ก่อนวันเกิดปารย์ 1 วัน เราจัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ที่บ้านยายกัน โดยรวมเลี้ยงทั้งวันเกิดปารย์ และวันเกิดน้าปุ๊ก แต่สงสัยว่าน้าปุ๊กจะขี้เกียจเป่าเทียนจำนวนมากให้เหนื่อยเปล่าๆ งานนี้เลยมีปารย์เป็นพระเอกคนเดียว


เริ่มจากเค้กชอคบอล ฝีมือน้าปุ๋ยปรุง ฝีมือแม่ปั้น แม่ว่ารสชาติของเค้กก็ใช้ได้อยู่แหละนะ แต่ฝีมือปั้นของแม่ที่สู้อุตส่าห์ซ้อมมือกับดินน้ำมันมาหลายรอบ แต่พอเป็นชอคบอล เจ้าไทรันโนซอรัสกลับออกมาหน้าตา ท่าทางชอบกล ยังดีนะที่ปารย์ช่วยแม่เต็มที่ เห็นแม่ยกมาปุ๊บ ก็บอกเลยว่าเป็นไดโนเสาร์ เออ!!! รอดตัวไปอย่างน้อยเจ้าของวันเกิดผู้หลงไหลไดโนเสาร์ก็ยังบอกว่าเป็นไดโนเสาร์ก็ใช้ได้แล้วแหละนะ

แม่เองก็ยังไม่แน่ใจนักหรอกว่า ปารย์จะเข้าใจไหมว่าวันเกิดคืออะไร ขนาดเขาร้องเพลง Happy Birthday กันอยู่ปารย์ยังลุกออกไปเต้นซะฉิบ เรียกเสียงฮาจากผู้ชมหรือลูก อย่างไรก็ตามงานนี้ก็ทำให้คนทั้งบ้านมีความสุขโดยทั่วกัน ทุกวัย แค่นี้ก็ถือว่างานสำเร็จแล้วใช่ไหมลูก

Saturday, November 25, 2006

เที่ยวงานละครกรุงเทพ

ก็ปารย์เป็นชาวกรุงนี่นะ กรุงเทพจัดงานอะไรแม่ก็พยายามพาไปร่วมแจม โดยเฉพาะงานที่ไม่ต้องเสียตังก์อย่างนี้ แม่ชอบ.... งานจัดที่สวนสันติชัยปราการ เราชวน ตายง ยายอร และน้าๆ ไปด้วย เราไปกันช้าไปหน่อยเลยได้ดูไม่กี่เรื่อง แต่ก็พอเรียกน้ำย่อยได้อะนะ ละครไบ้คนหน้าขาว ละครเพลงเรื่องลิงกำถั่ว และตบท้ายที่ลิเกที่พระเอกตาหวานซะน้ำตาลเรียกพี่
งานนี้ทุกคนลงความเห็นว่าจะไม่พูดเรื่องมีลิเกให้ยายฟังเด็ดขาด ไม่งั้นคงบ่นไปอีกนานว่าไม่ชวนเลย


....................คุณน้องหน้าขาว น้องปารย์หน้าเจื่อน........................


......................ละครเพลงสอนธรรม เรื่องลิงกำถั่ว........................


............................ลิเกตาหวาน................................

Wednesday, November 22, 2006

เตรียมความพร้อมวันครบรอบ 3 ขวบ


*************************ปารย์กับน้าปุ๋ย ********************************

ช่วงนี้พ่อ แม่ น้าๆ และยายของปารย์ เตรียมคิด เตรียมหาของขวัญวันเกิดที่ถูกใจปารย์และราคาสบายกระเป๋ากันใหญ่ พ่อ+แม่ พยายามหาเป้ไดโนเสาร์มาหลายห้าง พยายามไปเดินดูทั้งที่ปกติไม่ค่อยอยากเดินเท่าไร มันเมื่อยและมันก่อกิเลสให้กับคนเงินเดือนไม่ค่อยเหลือมากเกินไป แต่จนบัดนี้แม่ยังไม่สามารถหาให้ได้เลย สงสัยต้องเปลี่ยนเป้าหมาย

ส่วนน้าปุ๋ยก็เตรียมทำ ช๊อคบอลรูปไดโนเสาร์ แทนเค้กที่สั่งจากร้านดัง (น้าปุ๋ยบอกแพงเกินไป ทำเองอร่อยและสนุกกว่า) แม่เองชักตื่นเต้นแล้วสิ ไม่รู้ว่าปารย์จะเข้าใจหรือยังว่าวันที่ 27 พ.ย.นี้ เป็นวันอะไร.....



****************************ปารย์กับน้าเอ๋**********************************

Saturday, November 11, 2006

ปารย์จะเป็นตากล้อง!!


เห็นพ่อกับแม่ถ่ายรูปปารย์อยู่บ่อยๆ แล้วมักจะเอามาให้ปารย์ดูอยู่เสมอเลย ปารย์เองก็อยากลองเป็นตากล้อง ถ่ายรูปดูบ้าง ปารย์ขอให้พ่อกับแม่เป็นนางนายแบบให้ แต่ปารย์ก็อยากมี ไดโนเสาร์เป็น ฉากหน้า (เป็นฉากหลัง เดี๋ยวพ่อจะบังหมด) พ่อยิ้มหน่อย หนึ่ง สอง สั๊ม!! สวยมาก

กิจกรรมยามเย็น!


ปรกติเย็นๆ หลังจากกลับจากบ้านป้าอิม ปารย์มักมีกิจกรรม ทำอะไรกับแม่อยู่เสมอๆ เช่นทำกับข้าวกัน ถูบ้าน กลิ้งไปกลิ้งมา หรือพับนก เต่า ปลาฉลาม ตลอดจน ซ่อมบ้านกระดาษของปารย์

แต่ก็มีกิจกรรมที่ปารย์ชอบ มักรบเร้าให้ปารย์ช่วยทำให้อยู่เสมอ ก็คือปั้นบรรดาไดโนเสาร์ แม่มักมีจินตนาการในการปั้นดินน้ำมันได้เก่งมาก จนปารย์อดใจไม่ได้ ขอให้ปั้นโน้น ปั้นนี้ ซึ่งแม่ก็ไม่ค่อยได้ขัดใจสักเท่าไร

Friday, November 10, 2006

ก่อนนอนเมื่อคืน

ก่อนนอนเมื่อคืน แม่สวดมนต์ตามปกติ ปารย์ก็มานั่งบนหมอนให้แม่กราบตามปรกติ หลังจากนั้นก็น่าจะได้นอนกันตามปกติ แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก

ปารย์เอาไดโนเสาร์ดินน้ำมัน มาหว่านซะเต็มที่นอน แม่เลยต้องเก็บ และเก็บ ขณะเก็บอยู่ก็มีอะไรแข็งๆ ลอยมาโดนหัวแม่ โห...เจ็บจริงๆ เนี่ยสงสัยหัวโนด้วย หันไปดูถึงได้รู้ว่าเป็นนกไม้ที่แม่ทำเสียบไม้ไว้ปักแจกัน ตัวมันใหญ่ขนาดเท่านกหงส์หยกแหละ ปารย์คงเอามาแก่วงเล่น และคงแก่วงแรงไปหน่อยเจ้านกเลยหลุดออกมาจากด้ามไม้มาโดนหัวแม่

เจ็บจนเอามือกุมหัวไว้ เห็นปารย์หน้าเจื่อน เดินมาดูหัวแม่ แล้วยกมือขึ้นไหว้ พรางพูดว่า “ขอโทษครับ” ได้ยิน และเห็นอย่างนี้แม่ไม่จะไปโกรธปารย์ได้ไง.... ดีใจด้วยซ้ำที่ปารย์รู้จักขอโทษ ใครก็เคยทำผิด แต่ถ้าทำผิด แล้วรู้จักรับผิด และรู้จักขอโทษ บรรยากาศหนักๆ มันก็เบาลงได้นะลูก

ไม่เท่านั้น พอเห็นแม่ไม่โกรธ ปารย์ยังทำหน้าทำตาทะเล้น พยายามล้อเล่นให้แม่ขำ แม่ขำไม่ออกอยู่นาน ก็มันเจ็บอะปารย์.....

Wednesday, November 08, 2006

เด็กแนว "ไหนเนี่ย"



ควันหลงงานบวช


น้าเอ๋ส่งรูปปารย์มาให้แม่ มีรูปปารย์ไปร่วมงานบวชของน้าพงษ์ ตอนแม่ไม่อยู่ด้วย ช่วยงานแข็งขันเชียวนะคุณลูก


Friday, November 03, 2006

มีแววพ่อครัว

เมื่อวานซืน แม่ทำผัดพริกเผาถั่วพูเป็นอาหารเย็น แม่ถือว่าเป็นมื้อที่พิเศษมาก เพราะมีผู้ช่วยมือขยันมาช่วยแม่หั่นถั่วพูด้วย จะมีใครที่ไหนก็ลูกปารย์นั่นเอง เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ เห็นท่าทางทะมัดทะแมงแล้วอดอมยิ้มไม่ได้ ถ้าชิ้นไหนหั่นออกมาแล้วใหญ่ไปก็พยายามหั่นใหม่ให้เป็นชิ้นเล็กๆให้ได้ ปากก็พูดว่า “ชิ้นเล็ก ชิ้นเล็ก”

อันที่จริงปารย์ก็ช่วยแม่ทำกับข้าวมาหลายมื้อแล้วแหละ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นงานเด็ดผัก นี่เป็นงานแรกที่ปารย์ได้ใช้มีดจริงๆหั่นผักจริงๆ ท่าทางดีใจมากที่ได้ทำ วางทุกอย่างทั้งยาคูลย์ และของเล่นที่ถืออยู่มานั่งถือมีดหั่นถั่วพูกับแม่ในครัว

Tuesday, October 24, 2006

ปารย์อยู่กับน้าปุ๊ย

ชีวิตช่วงปิดเทอมกับน้าปุ๋ยของปารย์ดูจะราบรื่นกว่าที่แม่คาดคิด
น้าปุ๋ยเล่าให้แม่ฟังว่า....

ที่ตอนแรกน้าปุ๋ยบอกว่าจะดูแลปารย์ให้ประมาณ 2 อาทิตย์เท่านั้น พอหลังจาก 2 อาทิตย์น้าปุ๋ยก็ให้ปารย์ปารย์อยู่ต่อจนกว่าจะเปิดเทอม น้าปุ๋ยบอกว่า
1. ไม่แน่ใจว่ากลางคืนปารย์จะร้องไม่ยอมนอนหรือเปล่า
2. ฉันชอบเลี้ยงตามวิธีของฉัน ตอนแรกไม่แน่ว่าผู้ใหญ่จะยุ่งหรือเปล่า ฉันหงุดหงิด

แต่มันกลายเป็นว่า

1. ปารย์นอนได้แม้ละเมอร้องบ้างพูดบ้างบ่อยๆ แต่ไม่มีปัญหาอะไร
2. ผู้ใหญ่เอาแต่นอนกับสูบยา ฉันเลยไม่ได้หงุดหงิดอะไร

ฉันเลี้ยงได้สบายมากไม่ต้องเป็นห่วง วันนั้นเห็นพี่ต้อยแปรงฟันให้ปารย์แล้วก็แอบดีใจ เออ! ดีนะที่ฉันรับเลี้ยง ไม่งั้นปารย์อาจตัวไม่ค่อยหอม และฟันผุได้ (ขอแอบว่าหน่อยก็แล้วกันคืออาบน้ำให้ตัวเองกับให้ลูกมันควรจะต่างกันนะ แล้วยังเอาน้ำในแทงก์ให้ปารย์บ้วนปากอีกแปรงฟันอีก มันไม่ค่อยสะอาดหนะ ป่านนี้พี่ต้อยจามแล้ว มีคนนินทา)

เล่ากิจวัตรประจำวันให้ฟังเพลินๆ
- ตื่นประมาณ 6 โมงครึ่ง นอนกลิ้งไปกลิ้งมาเล่นๆ จน 7 โมงแล้วลงมาข้างล่าง
- กินนม
- แช่น้ำอุ่นในกะละมังพร้อมจระเข้ 2 ตัว สระผม (ทุกเช้า) ฟอกสบู่ (ปารย์ฟอกให้จระเข้ด้วย) แช่น้ำอีกสักพัก แล้วแปรงฟันโชว์จระเข้แบบหมดจดทุกซี่ แปรงลิ้นด้วย
- บางวันไปตลาด เสร็จแล้วกินข้าว (ข้าวกล้อง) มีผักทุกมื้อ ปารย์ชอบ เต้าหู้ไข่ทรงเครื่อง (น้ำราดมีแครอท บร็อคโคลี เห็ด)
- เล่นกับ พี่กานต์ ดูนีโม
- กลางวันเป็นพวกขนมปัง ยาคูลย์ อื่นๆ แล้วแต่ (แต่กินไม่มากเพราะปารยืกินข้าวนานเป็นชั่วโมง อาหารเช้ากับกลางวันมันเลยห่างกันไม่นาน)
- บ่ายโมง – บ่ายครึ่ง กินนม นอนประมาณ 1 -2 ชั่วโมง
- ตื่นมากิน ขนมปังกรอบน้ำส้มคั้น
- เล่นกับกานต์ ระบายสี
- กินข้าวเย็นประมาณ 5 โมง – 5 โมงครึ่ง กว่าจะอิ่มเกือบทุ่ม
- พักท้อง กินผลไม้
- อาบน้ำฝักบัว แปรงฟัน
- ยายเลี้ยงต่อ (พอยายมา ปารย์ก็เกาะเจ ฉันกลายเป็นหมาหัวเน่า)
- หลับอยู่ข้างล่างประมาณ 4 ทุ่มครึ่ง ฉันค่อยลงมาอุ้มขึ้นข้างบน

ชีวิตก็ประมาณนี้ทุกวัน ของหวานพยายามให้กินน้อย ก็มีไอติมบ้าง บางวัน
โดนตีไป 2 ที ที่ขา 1 ที เพราะเหยียบกล่อง CD อีกทีที่มือ เพราะชกหน้าฉันเต็มๆ ยังเจ็บดั้งจมูกอยู่เลย น้าปุ๋ยถ่าย VDO ไว้ให้แม่ดูด้วย
แม่ดูแล้ว สนุกมาก ปารย์ดูมีความสุขนะ ร้องเพลงไประบายสีไป


เอเปิดเทอมปารย์จะยอมกลับมาอยู่กับแม่ไหมเนี่ย

Monday, October 16, 2006

บางแสน!!!!



พ่อมีกำหนดจะเข้า ไปปรึกษากับ อาจารย์ที่ปรึกษา วิทยานิพนธ์(โครงการระยะยาวววววว) เมื่อวาน (15 ตุลา 49) ตั้งใจว่าจะชวนปารย์ไปเดินเล่น ชมทะเลตามประสาพ่อลูก(เวลาแม่ไม่อยู่) ด้วยอารมณ์คิดถึงปารย์ ไม่เจอกันสัปดาห์หนึ่ง อยากเอาใจเป็นพิเศษ

แฮะ! ไม่เป็นตามคาด ยายบอกว่าจะนั่งกันไปยังไง ไหนจะง่วงนอน ไหนจะซน ว่านั่งเป็นเพื่อนไป พ่อเห็นว่าสงสัยไม่เป็นไปตามแผน แต่ก็ไม่มีเหตุผลจะไปแย้ง ก็ไม่ว่าอะไร เช้าวันเดินทาง ฮาๆ มีพี่กานต์ ยายพี่กานต์ ตาพี่กานต์ อ้อ แม่พี่กานต์ด้วย กี่คนละ นับไม่ถูกเลย อบอุ่นมาก

เค้าไปเที่ยวดูปลา ที่สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลกัน พ่อเสร็จจากปรึกษาอาจารย์ ก็เลยชวนไปเที่ยวทะเลกัน พี่กานต์ตื่นเต้น มาก หาที่ลงที่หาดวนากร ได้ก็มีพี่กานต์คนเดียวที่กระโดดลงทะเล พ่อพยายามกระตุ้นน้องปารย์ ให้ไปเล่นน้ำทะเล "ตกน้ำไม่เอา" ปารย์บอกคงเป็นเพราะ พ่อกับแม่ทำงานในทะเลนาน เลือดเบื่อทะเล คงไหลวนอยู่ในปารย์ด้วยพอสมควร เห็นว่ายุไม่ขึ้นแน่ แล้ว พ่อเลยเอา สีน้ำ กับพู่กันมาให้เล่น ด้วยเพราะความเป็นศิลปินของพ่อ นึกว่ามีสีและพู่กัน ก็พอ ปารย์นั่งมองหน้าพ่อ จะให้วาดในอากาศ เหรอพ่อ คงคิดในใจ แฮะ! พ่อไม่มีกระดาษให้ปารย์ เลยต้องสละ หน้าหลังร่างวิทยานิพนธ์ให้ 1 แผ่น วาดได้สักพัก หมดอีก ฉีกกระดาษห่อถั่วให้ปารย์ วาดได้อีกพักหนึ่ง อารมณ์ศิลปินกำลังมา อย่าให้ขัดใจ

แต่ที่แน่ๆ ดูปารย์มีความสุข กับการเอา พู่กันจุ่มสี ล้างน้ำด้วย ค่อยๆตวัด อย่างตั้งใจ และมีความสุข โดยมียายกับพ่อเป็นผู้ช่วย และพี่กานต์เป็นคนคอย แย่งสีในจานสี เอ้อ หวังว่าปารย์จะชอบไปอีกหลายวัน

Wednesday, October 11, 2006

ออกพรรษา อีกหน่อย!




บรรยายกาศบ้านที่ แก่งกระจานคันทรีรีสอร์ทคลับ ค่อนข้างดีมาก อยู่ในหุบเขา ห่างไกลความเจริญ ห่างไกลผู้คน เหมาะที่จะเติมแบตเตอรี แก่ผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวง อย่างยิ่ง ดูปารย์เอง ก็คงจะมีความสุข

อยู่ท่ามกลางญาติ (รวมญาติฝ่ายแม่ กันเลยทีเดียว) ถึงแม้ เน้นกิจกรรมที่ปารย์ ไม่ค่อยถนัด เช่น เตะฟุตบอล ร้องคาราโอเกะ และ เล่น ...เอ้อ รำพัด ปารย์ก็หาอะไรเล่นเองได้ อย่างไม่เคอะเขิน

Tuesday, October 10, 2006

วันออกพรรษา!!



ช่วงปารย์ยังปิดเทอมอยู่ คงเป็นช่วงที่ปารย์สนุกสนาน กับการมีคนเอาใจ อยู่บ้านยาย
วันศุกร์ ก่อนออกพรรษา พ่อไปเยี่ยม พร้อมกับ เป็นพลขับพายาย และน้าปุ๊ก ไปเที่ยว แก่งกระจาน
ดีว่าพ่อ เตรียมเอาเจ้า Ique M3 ไปช่วยนำทางด้วย ไม่่งั๊น เหอะๆ เค้าไป แก่งกระจานคันทรีรีสอร์ทคลับ กันครับ โอเค มันอยู่ไหน ล่ะ กว่าจะถึง M3 บอกได้แต่ทางขรุขระ เค้าตัดทางใหม่กันแล้ว ก็ไม่ยักพาไป

หลังจากเข้าที่พัก ก็เที่ยวเตร็ดเตร ไปเขื่อนดินแก่งกระจาน ดูน้ำเยอะมาก รูปน้ำไปไหนแล้ว น้ำไหนแล้ว!

Saturday, September 30, 2006

ปิดเทอม!!


หลังจากปารย์ต้องทดสอบความรู้ ความสามารถ กันครบ 3 วัน (เตรียมอนุบาล เนี้ยะนะ) วันศุกร์ โรงเรียนก็จัดเลี้ยงรับวันปิดเทอมกัน โดยแม่ปารย์ลงแรง จัดการกับสมเช้ง ให้ดูสวยงาม น่ากิน เพื่อปารย์จะได้เอาไปร่วมงานเลี้ยงส่ง ตกเย็นปารย์เอาขนมอะไรไม่รู้มาแบ่งพ่อ เยอะแยะไปหมด แม่บอกว่าเป็นของจากงานเลี้ยง (มีตุนกลับมาเผื่อพ่อ ตั้งแต่เตรียมอนุบาลเลย)

ช่วงปิดเทอม แม่ต้องไปทำงาน ออกเรือที่ทะเลซูลู (ไม่รู้จะรอดเจ้าพายุช้างสาร ไม่น๊อ) พ่อกับแม่ ปรึกษากันไม่ลงตัวซะที ว่าปารย์ควรจะทำกิจกรรมอะไร ช่วงปิดเทอม ทางเลือกก็คือ เข้าร่วมกิจกรรม October fun clamp ที่โรงเรียนจัด แพง! อีกทางก็คือให้บ้านไปนั่งเล่น นอนเล่น กินเล่น และเล่นกับเพื่อนที่บ้านเด็ก อันนี้ดี คือถูกดี แต่ปารย์คงเอาแต่ใจน่าดูชม ตอนกลับไปเข้าโรงเรียน ก่อนวันสุดท้าย น้าปุ๋ยก็เสนอทางเลือกให้อีก โดยให้ปารย์ไปอยู่บ้านยาย ที่บางพลัด แรกๆก็ดูไม่น่าเป็นที่สนใจ เท่าไรเพราะกลัวปารย์จะไป ก่อกวน จนญาติๆ จะอยู่กันไม่สุข แต่เมื่อปรึกษา ถก บรรยาย อภิปราย กันอยู่ สองคนคือ พ่อกับแม่ เพราะปารย์ไม่สนใจ สรุปได้ความว่า ปารย์จะย้ายบ้านชั่วคราว 2 สัปดาห์ไปอยู่กลับน้าปุ๋ย น้าปุ๊ก น้าเอ๋ ยาย และอีกหลายคน (มั๊ง) เพื่อให้พ่อใช้ชีวิตนักศึกษา โสด เต็มรูปแบบ (จำเป็นไหม๊ ยิ้มกรุ้มกริ่มเล็กน้อย แต่พองาม มาก) พ่อเลยจำใจ รีบพาปารย์ไปตั้งแต่วันเสาร์เลย (โทษทีวันแรกของช่วงปิดเทอมเลย ด้วยความอาลัยมาก) หลังจาก เราไปส่งแม่ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ (แม่ปารย์ อินเทรน มาก อยากไปรอกระเป๋า ที่ล่าช้า เพื่อว่าจะมีน้องทหารช่วยขน)

พ่อวางแผนว่าจะ หาไมค์ ไปคุยกับปารย์ช่วงกลางวัน โดย Skype ทุกวันเอานะปารย์นะ

Thursday, September 28, 2006

ปารย์กลับมาแล้ว!!!

หลังจากที่ปารย์ไม่สบาย มีไข้ เพราะ ไอติมอักเสบ!! คือรับไอติมเกินที่ ทอนซิลจะทนได้ ก็เลยอักเสบ ร่วมเวลาก็กว่า 1 สัปดาห์ พ่อกับแม่ก็ต้องประคบประหงม กันตามระเบียบปฏิบัติ
หลังจากไข้ และอาการอื่นๆ หายไป ก็เหลือแต่อาการข้างเคียง คือเอาแต่ใจ ประเภทหมอห้ามขัดใจ คืนก่อน พ่อกับแม่ เลยปล่อยให้ปารย์ เต้นแร็บประกอบคำร้อง ของตัวเองอยู่นานมาก โดยสาเหตุ ก็แค่ต้องการให้พ่ออุ้มไปข้างนอก ง่วงเกินเหตุ จนหลงประเด็น ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร สุดท้ายพ่อทนไม่ไหวต้องโอ๋ กันอีก พ่อถึงกับเครียดอยู่นาน แต่หลังจากวันนั้น อาการข้างเคียงก็ค่อยๆ หายไป จนปารย์คนที่น่ารัก คนเดิมกลับมา พ่อดีใจจัง!!

Monday, September 18, 2006

ดูวัว + ขี่ม้า ตามประสาเด็กๆ

ก๊วนประมงของแม่ได้ฤกษ์พาเด็กไปเที่ยวกัน เป้าหมายแรกคือไปขี่ม้าที่ค่ายอดิศร แต่ต้องผิดหวังเล็กน้อยเพราะพอไปถึงเจ้าหน้าที่บอกว่าหมดเวลาแล้วครับ ถ้าจะขี่ม้าต้องมาจองม้าตั้งแต่ 07:30 ฮึฮึ ตอนนั้นเราเพิ่งออกจากบ้านกันเอง พวกเราเลยทำได้แค่พาเด็กไปดูเขาอาบน้ำม้า และดูม้าในคอก อย่างใกล้ชิด

เป้าหมายต่อไป ฟาร์มโชคชัย ละกัน ด้วยว่าเราไปกันวันอาทิตย์คนไปเที่ยวฟาร์มกันเยอะแยะไปหมด เราได้ตั๋วของรอบบ่ายสาม แหนะเลยละเลียดกินกลางวันกันที่ร้านเดรี่ควีนส์ ปากทางเข้าเขาใหญ่

ท่ามกลางสายฝนอ่อยๆ ก๊วนเราเริ่มต้นด้วยการฟังประวัติศาสตร์ฟารม์โชคชัย ต่อด้วยรีดนมวัว อาเจี้ยงพ่ออน้องหนุน เป็นอาสาสมัครเข้าไปรีดนมวัวด้วยวิธีโบราณด้วย สงสารวัวจัง



ต่อด้วยแนะนำการทำไอศครีม อึม !!! มิ้ว ให้ลองชิมนิดหนึง อร่อยดี แล้วก็ไปดูโชว์คาวบอยกัน ในบริเวณนี้มีบริการนั่งรถมา และขี่ม้าสำหรับผู้ใหญ่ด้วย แม่จ่ายไป 100 บาท ให้ปารย์ แม่ ยาย และ พ่อ นั่งรถม้ารอบเล็กๆ 1 รอบ ดูปารย์สนุกสนานมาก ถ้าไม่สนุกแม่เสียดายแย่ ตั้งร้อยหนึง






ส่วนอาโย่งได้ขี่ม้าร้อบเล็กๆอีกเหมือนกัน ไป 1 รอบ (40 บาท) อาโย่งขี่ม้านี่เล่นเอาน้องหนุนน้ำตาไหลพราก เพราะอยากขี่บ้าง และอาเปิ้ลน้ำลายไหลย้อย เพราะอดขี่ เนื่องจากพี่ปิ๊งๆ ไม่อนุญาต พี่ปิ๊ง กลัวแม่ตกม้าอะค่ะ สงสารอาเปิ้ลจังอุตส่าห์เป็นคนชวนมา trip นี้เพราะอยากขี่ม้า แต่เพื่อลูกแม่ยอมได้...

แวะดูการแสดงการฝึกสุนัขของฟาร์มพักหนึ่ง อันที่จริงระหว่างทางเจ้าหน้าที่ของฟาร์มก็ชี้ชวนดูโน่นนี่ในฟาร์มตั้งเยอะแต่จำได้ไม่หมด มันกว้างจัง

ถัดมาเป็นส่วนสวนสัตว์เด็ก และขี่ม้าสำหรับเด็ก ครานี้เป็นทีของน้องหนุน เพราะเธอขอขี่ม้ามาตั้งแต่ตอนอยู่บ้าน เลยขี่ซะสมใจอยาก คาดว่ามากกว่า 10 รอบ ก็รอบละไม่เท่าไร 30 บาทเอง พ่อแม่กระเป๋าเบาไปเลย ลูกปารย์ขี่ไป 1 รอบ ดูก็ชอบอยู่นะ แต่ก็เกร็งๆ เล็กน้อยเวลาอยู่บนหลังม้า ปารย์อาจจะสนุกกับการให้นมลูกวัว และให้อาหารสัตว์ในสวนสัตว์เด็กมากกว่า ที่ยอมขี่ม้านี่ก็มาจากการผลักดันของยายหนะแหละ






ปิดท้ายด้วยการแสดงความสามารถของสัตว์ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสุนัข สนุกดีเหมือนกัน ดูแล้วก็คุ้มกับค่าเข้า 250 บาทอยู่หรอก ปารย์ก็ได้ประสบการณ์ตรงตั้งหลายอย่างด้วย

Wednesday, September 13, 2006

รองเท้าเป็ด

อาทิตย์ที่แล้วไปเดินหาซื้อหมวกจักรยานที่เซ็นทรัลให้พ่อปารย์กัน แต่บังเอิญเดินผ่านส่วนขายรองเท้าเด็ก และกำลังลดราคาอยู่ เลยตัดสินใจอนุญาติให้ปารย์เลือก รองเท้าเอง 1 คู่ แต่พอปารย์เลือกแม่ถึงกับหงายหลัง ไม่ใช่ว่าเพราะราคาหรอกนะ แต่มันเป็นรองเท้าส้นสูงสีชมพูอะ ปารย์คงยังไม่เข้าใจว่าทำไมแม่กับพ่อถึงได้หัวเราะกันขนาดนั้น และคงยังไม่รู้ว่า สีบางสี และของบางอย่างเหมาะถูกคิดขึ้นมาให้เหมาะกับเฉพาะเพศ เฉพาะบุคคล แม่ค่อยๆสอนไปละกันนะ

สุดท้ายหวานล้อมกันอยู่นาน ปารย์ก็เลยเปลี่ยนมาเป็นรองเท้า สีแดง+น้ำเงิน ที่สามารถใส่ได้ทั้งสองเพศ เออ!! ค่อยยังชั่ว ปารย์เรียกรองเท้าคู่นี้ว่ารองเท้าเป็ด (มีรูปเป็ดอยู่กลางหลังเท้า)

ตั้งแต่ได้รองเท้าเป็ดมาเลยลืมไปเลยว่าไปโรงเรียนต้องใส่รองเท้านักเรียน จะใส่แต่รองเท้าเป็ดเท่านั้นคู่อื่นไม่ยอมใส่ ตอนนี้ปารย์ใส่รองเท่าเป็ดได้คล่องมากทั้งใส่ทั้งถอด ไม่ต้องให้แม่ช่วยเลย

Friday, September 01, 2006

บ้านปารย์ ver 2



หลังจากบ้านปารย์ ver1 ที่สร้างมาตั้งแต่ปารย์เริ่มคลานคล่อง และโดนแก๊งเพื่อนปารย์ในซอยยำซะบอบช้ำ แม่กับปารย์เลยช่วยกันซ่อมแซมบ้านหลังเก่าโดยการเปลี่ยนชิ้นส่วนบางส่วน ชิ้นส่วนนี้แม่ได้อานิสงมาจากการซื้อตู้เย็นใหม่ของ office



บ้าน ver2 นี้ปารย์โตพอจะช่วยแม่ทำได้แล้ว เราเลยสนุกกันใหญ่



อยากเอา รูปบ้าน Ver1 มาแปะไว้ด้วย แต่แม่หาไม่เจอซะที ไม่รู้เอารูปเก่าๆ ไปเก็บไว้ไหน


สำเร็จแบบไม่มีสีสันอีกแล้ว

Monday, August 28, 2006

เที่ยว เที่ยว เที่ยว


เมื่อวันที่ 27 ส.ค.แม่รวมแก๊ง เพื่อนประมงไปเที่ยวบ้านอาตุ๊กเพื่อนประมงของแม่อีกคน ที่คลองพระรามกัน คงมีเพื่อนประมงน้อยคนที่รู้ว่าตุ๊กอาศัยอยู่ในบ้านเรือนไทย ราคาเรือนหลายล้าน ตั้งอยู่กลางป่าจาก และนากุ้งธรรมชาติ ที่ดูเป็นการเลี้ยงกุ้งแบบยั่งยืนจริงๆ งานนี้นอกจากได้เที่ยวบ้านเรือนไทยของอาตุ๊กแล้ว ยังได้นั่งเรือ (บ้านอาตุ๊กใช้ทางเรือได้อย่างเดียว) และได้เที่ยววัดสาขลาด้วย

ตอนไปบ้านอาตุ๊กนี่ บรรดาแม่ๆต่างก็หวาดเสียวว่าลูกจะวิ่งไปชนกระถางต้นไม้ลายคราม หรือ ถ้วยเบญจรงค์ราคาแพงของเขาบ้างหรือเปล่า ก็มันแพงอะดิ กลัวไม่มีปัญญาใช้เขา และประทับใจมากกับวิถีไทย รวมทั้งการทำบุญเลี้ยงพระแบบปราณีต ที่ทำอาหารทุกอย่างเองแม้กระทั่งขนมหม้อแกง เม็ดขนุน และอากาศเย็นสบายที่บ้านตุ๊ก เสียดายแม่ลืมเอากล้องไป แต่ที่น่าเสียดายกว่าคือกล้องอาเจี้ยง ตกน้ำ ไม่รู้จะกู้กลับมาได้เปล่า

ภาพนี้ลูกปารย์ขี่สิงโตที่วัดสาขลา



ส่วนภาพนี้บรรดาแม่ แม่ พยายามให้สามหน่ออันประกอบด้วย พี่ปิ้ง ปิ้ง น้องขนุน และลูกปารย์ ถ่ายภาพหมู่แบบนั่งเรียงกันเรียบร้อย แต่ได้แค่เนี่ยแหละเรียบร้อยสุดแล้ว



สองภาพหลังนี่ตั้งแต่ 20 ส.ค. พ่อปารย์เอาวิทยานิพนธ์ไปให้อาจารย์ดู แม่กับปารย์ กับยายเลยเป็นผู้ติดตามไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำกัน ปารย์สนุกสนานมากกันการดูกุ้ง หอย ปู ปลา และกินเงาะ

Friday, August 25, 2006

วัน นอนไม่หลับ

ตอนเย็นยังเล่นทำกล่องใส่บัตรคำกันอยู่เลย แต่พอจะนอนปารย์เริ่มงอแง และร้องไห้ตั้งแต่ 4 ทุ่ม ถึงตี 1 ปลอบเท่าไรก็ไม่หยุด จะออกนอกห้อง จะออกนอกบ้าน สุดท้ายแม่เลยต้องเดินอุ้มปารย์เดินตากยุงอยู่นอกบ้านจนหลับไป เหนื่อย และง่วงหนะไม่เท่าไรหรอก แต่กลัวปารย์เป็นอะไรไป ร้องซะขนาดนั้น ไม่พูดไม่บอกสักอย่าง เอาแต่ร้อง เล่นเอาแม่เครียด เดาไปต่างๆนานา ถึงสาเหตุ พ่อก็ไม่อยู่ด้วย ไม่คนคอยปรึกษานี่มันแย่จัง วันนี้ปารย์จะเป็นไงบ้างนะ

Tuesday, August 22, 2006

วัน ซึม ซึม

เมื่อวานปารย์ซึมไป ไม่พูดไม่จา นั่งข้างๆแม่ และเดินตามแม่ตลอด ถามปารย์ว่าง่วงไหม ปารย์ไม่พูดอะไรแต่เดินมานอนหนุนตักแม่ นอนเฉยๆ ไม่หลับตา แม่ไม่ค่อยสบายใจเลย ไม่รู้ว่าปารย์เป็นอะไร ตัวก็ไม่ร้อน แต่รู้สึกได้ว่าไม่ปกติ จนกระทั่งพ่อกลับมาปารย์ค่อยร่าเริงขึ้นหน่อย ลุกขึ้นมาช่วยแม่ทำบ้านกล่อง แม่ค่อยสบายใจขึ้น
ปารย์น่ารักมากเวลามีกิจกรรมประดิษฐ์ ด้วยกัน เช่นพอแม่ใช้เทปกาว ปารย์ก็จะส่งกรรไกรให้ สำหรับตัดเมื่อใช้พอแล้ว พอแม่วาดวงกลมลงบนบ้านกล่องปารย์ก็ส่งคัทเตอร์ให้แม่มาเจาะวงกลมนั้น พอแม่เลื่อยท่อนกระดาษ ปารย์ก็จะคอยจับอีกด้านเอาไว้ ทำให้แม่เลื่อยได้ง่ายขึ้น เรียกว่ารู้ใจไปหมดโดยไม่ต้องพูด ปารย์เรียนรู้จากการดูว่าเมื่อแม่ทำอย่างนี้ต่อไปต้องทำอะไร ต้องใช้อะไร น่าจะเรียกว่าเป็นเด็กมีความสามารถในการสังเกตได้ไหมนะ
วันนี้ลืม copy รูปมาไว้วันหน้าค่อยเอารูปบ้านกล่อง ฉบับปรับปรุงมาให้ดูกัน

Tuesday, August 15, 2006

ต่อจุดระบายสี





ด้วยวัย 2 ขวบ 8 เดือน ฝีมือปารย์ในการต่อจุด ระบายสีกำลังดีขึ้นเรื่อยๆ

วันแม่ ปี49


ปารย์ กับแม่ได้ขึ้นเวทีด้วยกันในฐานะที่เป็นตัวแทน แม่ลูก ห้องสับปะรด ปารย์กราบแม่ แล้วก็เอาพวงมาลัยดอกมาลิมาให้แม่ด้วย แม่ดีใจจัง หอมปารย์ไปฟอดใหญ่ๆ อะนะก็มันเป็นวันแม่ครั้งแรกที่แม่กับลูกปฏิบัติกันแบบพิธีการจริงๆ (อันนี้ยังไม่มีรูปมาให้ดู น้าปุ๋ยช่วยถ่ายVDO ไว้ให้แต่แม่ยังทำไม่เป็นไม่รู้จะดึงเป็นรูปออกมายังไง) ปารย์ทำอย่างนี้ก็ทำให้แม่นึกยายของปารย์ วันเสาร์เราเลยได้เอาพวงมาลัยดอกมะลิให้ยายปารย์ด้วย ครูเย็นบอกว่าปารย์แสดงฝีมือระบายสีในการ์ดให้แม่เองด้วยนะ


หลังจากกิจกรรมกราบแม่ก็มาถึงกิจกรรมบนเวทีของห้องสับปะรด การแสดงเต้นประกอบเพลง “ใครหนอ” แม่หนะโฆษณาชวนเชื่อน้าปุ๋ยไว้ซะเยอะเลยว่าปารย์เต้นสะบัดเลยตอนเต้นให้แม่ดูที่บ้าน น้าปุ๋ยก็ตั้งใจมากกะจะถ่าน VDO ไว้ให้ น้า ๆ ยาย ตา และ ทวดได้ดูกัน

แต่อะนะ ก็มันง่วงอะแม่ แล้วแม่ก็ดันจูงปารย์ลงจากเวที เอาปารย์มาทิ้งไว้กับเพื่อนๆอีก ปารย์ก็เลยนั่งร้องไห้ เดินร้องไห้ แล้วก็ขึ้นไปยืนร้องไห้บนเวทีร้องไห้ต่ออีก แม่เห็นก็อดสงสารไม่ได้เข้าไปหาปารย์เลยกอดแม่แน่นไม่ยอมเต้นเลย เป็นอันว่างานนี้ไม่มีภาพปารย์เต้นเพลงใครหนอกับเพื่อนๆ น้าปุ๋ยบอกแม่ไม่น่าเดินไปหาเลย อย่างนี้ปารย์ก็เสียความมั่นใจหมด อะนะ แม่มันมือใหม่ ไม่รู้ควรทำไง เอาไว้งานหน้าละกันนะลูก แม่คงได้เห็นการแสดงของปารย์บนเวทีบ้างสักวัน



จบการแสดงของเด็กๆ ครบทุกห้องก็เป็นกิจกรรมผู้ปกครองอาสา แม่ก็อาสาไว้ว่า จะสอนเด็กๆปั้นดินน้ำมันสัตว์ทะเล พ่อบอกวันแม่ปีนี้แม่ปารย์ตื่นเต้นที่สุดในโรงเรียน ก็อาจจะจริง แม่ซ้อมปั้น และเตรียม model ไว้ซะหลายชิ้น แต่เด็กก็คือเด็ก คาดเดายากจัง หลายคนสนใจกิจกรรมดินน้ำมันของแม่ และหลายคนก็สนใจแต่จะทำลาย model ดินน้ำมันของแม่ ปารย์ไม่เคยทำลายตัวสัตว์ที่แม่ปั้นให้เลย แม่เลยอึ้งไปเมื่อเห็นเด็กๆ บี้ประหลาดาว ดึงหนวดหมึกให้ขาด ดึงขาเต่า อือๆ กว่าแม่จะสอนปั้นเสร็จ model ที่แม่เตรียมไปมันก็เละซะแล้ววววว

Tuesday, August 08, 2006

โชว์บ้าน version ใหม่

ช่วงนี้พ่อ เบลอๆ ไม่รู้จะ update อะไรให้ปารย์ดี
ขนาด ปารย์ ขาบวม เป่ง ยัง งงๆ ว่าไปโดนอะไรมา
เออ น่าจะถ่ายรูปเก็บไว้บ้างก็ดี ปารย์ขาใหญ่!!

เอาบ้านมาโชว์ใหม่ เปล่าไม่ใช่ บ้านใหม่ แต่เป็นรูปใหม่จาก google map

โชว์บ้าน version ใหม่

ช่วงนี้พ่อ เบลอๆ ไม่รู้จะ update อะไรให้ปารย์ดี
ขนาด ปารย์ ขาบวม เป่ง ยัง งงๆ ว่าไปโดนอะไรมา
เออ น่าจะถ่ายรูปเก็บไว้บ้างก็ดี ปารย์ขาใหญ่!!

เอาบ้านมาโชว์ใหม่ เปล่าไม่ใช่ บ้านใหม่ แต่เป็นรูปใหม่จาก google map

Friday, August 04, 2006

เขียน และ ขุด






กิจกรรมสุดโปรด อีกแหละ ขีด ขีด เขียนๆ และขุดกระดูกไดโนเสาร์

ปารย์ ที่สนามเด็กเล่นโรงเรียน



แม่แวะไปคุยเรื่องแบบเรียนของปารย์ที่โรงเรียนในวันเสาร์ ปารย์เลยได้โอกาสไปเล่นสนามเด็กเล่นแบบไม่มีเด็กคนอื่น

นักพากย์น้อย



หนึ่งในกิจกรรมสุดโปรด ของลูกปารย์ก็การเป็นนักพากย์นี่แหละนะ ถ้ามีตุ๊กตาสิ่งมีชีวิตอยู่ในมือเมื่อไร ก็เมื่อนั้นแหละ พูดไปหัวเราะไป เอิกอ๊าก อยู่คนเดียว เสียดายที่ปารย์ไม่ยอมพูดให้แม่เข้าใจเลยดิ

Thursday, August 03, 2006

ถึงคราวแม่ปวดหัว บ้างหละ

เริ่มต้นจาก web board ที่บรรดาพ่อแม่ชอบเข้ามาปรึกษาหารือกัน ว่าโรงเรียนที่แม่สู้อุตส่าห์เลือกด้วยความพิถีพิถันนั้นไม่ได้ดีอย่างที่แม่คิด ตอนนี้ครูใหญ่ลาออกไปแล้ว ครูพละ 2 คนลาออกไปอีก แม่บางคนให้ความเห็นว่าที่นี่มีปัญหาเรื่องขาดบุคลากร ครูอยู่ไม่นานก็ลาออกไป ตอนนี้เจ้าของโรงเรียนมาเป็นครูใหญ่เอง เอะจะดีไหมนะ


แม่ก็คิดแล้วคิดอีก ปรึกษากับพ่อได้ความว่าถ้าเจ้าของโรงเรียนเขาตั้งใจที่จะตั้งโรงเรียนเขาก็น่าจะมีความตั้งใจที่จะสร้างเด็กให้มีคุณภาพ + ความสุข ลองให้โอกาสเขาดูละกัน

แต่ 2 วันมานี่แม่เห็นแต่ครูคนใหม่มารับปารย์ เอะเปลี่ยนครูอีกแล้วเหรอ เออถึงคราวแม่ปวดหัวบ้างแล้ว

Tuesday, July 18, 2006

ผมปวดหัวคับ… แม่

สงสารปารย์จัง ปารย์ไม่เคยป่วยหนักอย่างนี้มาก่อนเลย เริ่มอาการมาตั้งแต่พฤหัส เย็นไปหาหมอมารอบหนึ่งได้ยามาบานเลย แต่ปารย์ยังไม่ดีขึ้น กลับทรุดลง ตกกลางคืนเพ้อบ่อยมาก ตัวร้อนด้วยแม่ใจไม่ดีเลย กลัวปารย์ตัวร้อนจนชัก ต้องเช็ดตัวกันทั้งคืน + แปะ Cool fever ที่หน้าผาก แม่นึกว่ากลางวันปารย์จะดีขึ้น แต่ก็ผิดคาด ยังคงตัวร้อนสลับกับไออย่างหนักตลอดวัน แม่ก็เช็ดตัวปารย์ทั้งวันเหมือนกัน (เช็ดแรงๆ ด้วยนะ แต่ปารย์ก็ยังสีไม่ตกเลยแฮะ)

ไอ้เจ้า Cool fever นี่ไม่รู้ช่วยอะไรได้บ้างเปล่านะ แต่ที่แน่ๆ ปารย์ไม่ชอบเลย ขัดขืนเวลาแปะตลอด แล้วบางทีก็ชี้ที่หน้าผาก บอกว่าเจ็บ แม่ก็เดาไม่ถูกเหมือนกันว่าปารย์ปวดหัว หรือเจ็บที่ติด Cool fever กันแน่ อีกอย่างที่แม่กังวลคือปารย์ไม่กินอะไรเลยนอกจากนม ป่วย 2 วันลูกผอมลงจนเห็นได้ชัด เย็นวันนั้นก็ได้ไปหาหมอกันอีกรอบ หมอบอก ว่าหลอดลมอักเสบ เพิ่มมาอีกหนึ่งโรค แล้วให้ปารย์ไปสูดยา ประมาณ 10 นาที ปารย์เก่งมาก ไม่ร้องเลยแหละ

วันเสาร์ และอาทิตย์ อาการไข้ของปารย์ดีขึ้นแล้ว แต่เจ้าอาการไอนี่ดิ หายยากจัง ไอจนอวก เออ!!! กลุ้ม เจ้าไข้นี่ร้ายกาจนะ ถึงแม้มันจะไปแล้วดันทิ้งเชื้อไม่น่ารักไว้กับปารย์ดิ ก็ตอนป่วยเอาใจกันมาก ตอนนี้เลย เผลอ เอาแต่ใจตัวเองจนแม่กับพ่อหละหน่าย

และแล้ววันจันทร์ก็มาถึง เชื้อไม่น่ารักก็แผลงออกมาตั้งแต่ ไม่ยอมอาบน้ำ ไม่ยอมแต่งตัว พูดดีดียังไงก็ไม่ยอม ลากก็แล้ว ขู่ก็แล้ว สุดท้ายแม่ต้องใช้ไม้ตายปล่อยให้ปารย์อยู่เฝ้าบ้านคนเดียว โอ้โห … ร้องซะ แล้วก็ไปโรงเรียนตามระเบียบบบบครับบบบ น่าสงสาร แกมหมั่นไส้

Friday, July 07, 2006

สัปดาห์ฟุตบอลโลก

ช่วงนี้ ทั่วสาระทิศในเมืองไทย สนใจการเคลื่อนไหวของฟุตบอลโลก เยอรมัน 2006
ไม่เว้นแม้ บ้านปารย์ เปล่าไม่ใช่ ปารย์หรอก ปารย์ยังไม่สนใจ ฟุตบอลใน ทีวี สนใจแต่ฟุตบอล ที่ตั้งขายอยู่ในห้าง!!
พอมันมาอยู่บ้านแล้ว พ่อชวนเตะ ยังไง ก็ไม่เห็นสนใจ กลับมาฟุตโลก เยอรมัน 2006 ส่วนใหญ่มันเตะกันดึก ถึงดึกมาก
โดยเฉพาะเริ่มเข้ารอบสอง รอบสาม ปาไปตี 2 แต่พ่อก็พยายาม ขนเอาทีวี ขึ้นไปที่นอนด้วย ปารย์นึกว่าจะเปิดการ์ตูนให้ปารย์ดูก่อนนอน แทนแม่ที่ไม่อยู่เล่านิทาน ปารย์คงงง ไม่เคยเปิดให้ดูสักครั้ง พอตกดึก พ่อแอบนั่งดูคนเดียว มีคืน สองคืนเหมือนกัน ปารย์ลุกมานั่งดูเป็นเพื่อนพ่อ แต่ไม่ไหว มันง่วง นั่งโงนไป เงนมา
นอนดีกว่า ไม่รู้ว่าปารย์จะต้องลุกมานั่งเป็นเพื่อนพ่อ อีกกี่คืน เฮ้อ ฟุตบอลโลก!!!

Thursday, June 29, 2006

ฝีมือผมเป็นไงบ้างครับ

เออ!!!ช่วงนี้ปารย์ เปลี่ยนจากบรรดาศักดิ์ให้แม่ จาก“แม่”มาเป็น “พี่” ปารย์เรียกแม่ว่าพี่เปิ้ลตามพี่นาม และพี่กานต์หนะสิ

อยู่ด้วยกัน สองคนมาสามวันแล้ว ปารย์ไม่มีตัวเลือกเลยต้องง้อแม่หน่อย อะไรๆก็ต้องมาเรียกพี่เปิ้ล พี่เปิ้ล พี่เปิ้ลฉี่ พี่เปิ้ลอึ

นอกจากนั้นช่วงนี้เพื่อนๆของปารย์ในซอยเดียวกัน จะเข้ามาเล่นในบ้านทุกเย็น บ้านเราเลยกลายเป็นสนามเด็กเล่นไปเลย ของเล่นทั้งหลายมันจึงมาเกลื่อนอยู่ตามพื้น แต่ก็ได้ชื่นใจที่ปารย์ช่วยแม่เก็บของเล่น หลังจากพี่ๆเขากลับบ้านกันไปหมดแล้ว

กิจกรรมสุดโปรดช่วงนี้ของปารย์ก็น่าจะเป็นการขีดๆ เขียนๆ นี่แหละ เชิญชมผลงานเลยละกัน