Saturday, December 22, 2007

"ก็ทำอย่างนี้ไง"

...ถึงจะเป็นวันหยุด แต่แม่ต้องเตรียมสถานที่รับงาน Open House ของ Office จึงต้องแห่กันไปทั้งครอบครัว
ปารย์ทั้งช่วยแม่ และถ่วงงานให้ช้า กลัวแม่จะรีบเสร็จ ปารย์ได้โอกาสดู VCD ไดโนเสาร์ ตอนไดโนเสาร์ท่องอเมริกา ขณะดูไปก็วิจารณ์ไดโนเสาร์ให้พ่อฟังไปด้วย มันกินเหมือนไก่เลยน๊อะ พ่อ แล้วก็ "พ่อๆ ปารย์อยากกินไก่" เอาไก่อะไรล่ะ พ่อถาม "ไก่งัย" พ่อถามต่อ จะเอาไก่ทอด ไก่ย่าง หรือไก่สด!! พ่อเล่นมุก ปารย์ตอบกลับ "อ๋อไก่ย่าง" พักกลางวันแม่เลยจัดให้ปารย์ตามคำขอ มีน้าน้ำ น้ำอ๋อม เพื่อนแม่ไปร่วมวงส้มตำ ไก่ย่างด้วย

...ปารย์เป็นเด็กน่ารัก เสมอต้น เสมอปลาย คือซนมันทุกที่ ไม่ว่าร้านจะใหญ่เล็ก แค่ไหน ปารย์ซนได้เสมอ ด้วยความอยากรู้ว่ารูปข้างแก้วน้ำ เป็นรูปอะไร ปารย์พยายามหมุนแก้วน้ำ จน..."หก!" แก้วน้ำล้ม น้ำในแก้วเจิงนองเต็มโต๊ะ ปารย์พยายามแก้ตัวว่า ปารย์จะดูรูป พ่อเองก็เริ่มหงุดหงิด เพราะปารย์ซน จนข้าวของเริ่มเสียหาย แต่ด้วยความที่เป็นครอบครัวมีเหตุผล ก็พยายามจะสอนให้ปารย์เข้าใจ และสำนึก พ่อก็เลยถามปารย์ไปว่า "ปารย์ น้ำหกแล้ว ทำไงล่ะ" ปารย์ก็คงมีเหตุผล หันกลับมาตอบพ่อ ขณะที่มือถือแก้วน้ำต้นเหตุ โดยมีน้ำอยู่อีกเล็กน้อย "ก็ทำอย่างนี้ไง" พร้อมกับเทน้ำออกจากแก้ว!!!! ทั้งโต๊ะระงับต่อมฮาไว้ไม่ไหว ขณะที่พ่อเล่นเอาน้ำตาไหลพราก ด้วยมุกที่ปารย์ไม่ได้ตั้งใจ

...."ก็ทำอย่างนี้ไง"

Wednesday, December 19, 2007

ปารย์ห่อของขวัญเอง /วันของพ่อนะ



...โรงเรียนปานตะวันมีกิจกรรมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ กันทุกปี ปีนี้ก็จัดงานแลกของขวัญ กับการแสดงของแต่ละห้อง ในวันที่ 28 ธันวาคม ตามที่พ่อกับแม่คาดการณ์ไว้

...ช่วงที่แม่ต้องไปประชุมต่างจังหวัดอย่างนี้ อะไรที่นอกเหนือโปรแกรมประจำวัน ดูจะเป็นงานสาหัสลำบากพ่อที่จะจัดการเสมอ ของขวัญสำหรับปารย์ ที่จะเอาไปแลก กับเพื่อนๆ น้องๆ พี่ๆ ก็เหมือนกัน พ่อจัดหาก็ไม่ยากหรอก แต่ห่อนี่ซิ

..."มะพ่อ ปารย์ห่อเอง" ปารย์บอกกับพ่อ "เอาน่าพ่อไหว" พ่อเห็นท่าปารย์เอาจริง "ปารย์คอยตัดเทปให้ก็พอ" พ่อบอก "ผูกสวยๆ ด้วยซิพ่อ" ปารย์คอยกำกับ "ปารยจะวาดไดโนเสาร์" พูดพร้อมกับหาว ยาว หนึ่งครั้ง ว่าแล้วก็ลงไปนอน พร้อมกองการบ้าน ที่เสร็จอย่างฉิวเฉียด แถมยังคว้าได้ห่อของขวัญไปนอนกอดด้วย เออปีหน้า แม่น่าจะจัดตารางการประชุมให้ดีกว่านี้นะ






...ปารย์ดูจะดีใจมาก ที่พ่อไปร่วมงานวันพ่อที่โรงเรียนในปีนี้ (ปีก่อนๆ มีแม่เป็นตัวแทนของพ่อ ดูปารย์จะไม่ค่อย happy เท่าไร) แถมด้วย ปู่ กับ ย่า ไปสังเกตการณ์โรงเรียนของหลานด้วย ปารย์มีของขวัญเตรียมไว้มอบให้พ่อ แทนความรักทีมีให้กัน (หรือคุณครูแอร์ บังคับ ก็ไม่รู้) เป็นสมุดโน๊ต ซึ่งทำจากกระดาษเหลือใช้ เป็นหนึ่งในโครงงานประหยัดพลังงาน ตามแนวพระราชดำริ ที่โรงเรียนจัดขึ้น (อินเทรน) แต่สุดท้ายปารย์ก็ยึดเป็นเจ้าของ ตามระเบียบ (ของพ่องัย แต่ปารย์ขอยืม!!)

Saturday, December 08, 2007

ฟันไทรันโนซอรัส



ปารย์แสดงอาการ ปวดฟันให้พ่อกับแม่ดู อยู่หลายวันแล้ว (เอามือไปกดฟัน)
แม่เอากระจกวิเศษส่องดู พบว่ามีรูบะเร่ออยู่ วันเสาร์ที่แล้ว แวะไปหาหมอฟัน แถวบ้าน ไม่ไหว ปารย์ไม่ยอมทำอะไรทั้งนั้น

วันเสาร์นี้พ่อกับแม่ตกลง พาปารย์ไปคุยกับคุณหมอที่โรงพยาบาลทันตกรรม จุฬาฯ กะว่าเอามาสร้างความคุ้นเคย แล้วจะนัดมาดำเนินการกันภายหลัง ปรากฏว่า หมอจะลองดู โดยให้พ่อกับแม่ไปนั่งรอ ด้านนอก (สงสัยหมอวางยาสลบแน่เลย) ประมาณครึ่งชั่วโมง พยาบาลตามแม่เข้าไป ปารย์ยืนพิง ผนังกัดผ้าก๊อต เลือดเต็มปาก แต่ไม่แสดงท่าทีตระหนกอะไร ประมาณว่าเสร็จแล้วเหรอ (ยังมันส์อยู่เลย พ่อคิดเอง)

หมอครอบฟันด้วยเหล็ก ซี่ที่เป็นรูใหญ่ และอุดแถมอีกซี่ หมอแจ้งว่าร้องนิดหน่อย แต่ให้ความร่วมมือดี สอบถามปารย์ได้ความว่า หมอเล่นฉีดยา แต่ปารย์ไม่เจ็บ เพียงแค่น้ำตาไหล แต่ขอซื้อช้างนะ

ปารย์ได้ฟันเหล็กมาโชว์ หนึ่งซี่ บอกว่าเป็นฟันไทรันโนซอรัส

Thursday, December 06, 2007

ไปถ่ายรูป ครับ

แล้วปารย์ ก็มีจำนวนวันหยุดเพิ่มขึ้นอีก 1 วัน เพราะพ่ออยากทำในสิ่งที่ ปู่กับย่า อยากให้ทำแต่ไม่เคยร้องขอ ช่วงนี้พ่องานยุ่งมาก การเตรียมตัว และการซ้อมรับปริญญาจึงเป็นเรื่องที่สาหัสอยู่ แต่ในที่สุดพ่อก็ทำสำเร็จ

เราเดินทางไปบางแสนกันตั้งแต่เย็นวันศุกร์ เพราะพ่อต้องไปซ้อมตั้งแต่เช้าในวันเสาร์ และแม่ก็อยากพาปารย์ไปเที่ยวด้วย ที่พักอยู่ใกล้หาดมากจนปารย์แทบจะทนไม่ได้ทีี่จะรอเล่นน้ำในเช้าวันเสาร์

หลังจากเล่นน้ำตอนเช้าวันเสาร์ แม่ก็พาปารย์ไปหาพ่อ บอกปารย์ว่าเราไปถ่ายรูปกับพ่อกัน พอถึงหน้ามหาวิทยาลัย ปารย์ก็ร้อง โอ้โหแม่ ดอกไม้เยอะแยะเลย ย่าเลือกซื้อดอกไม้สดให้พ่อ 1 ช่ิอ ส่วนปารย์ก็ขอให้แม่ซื้อดอกไม้ 1 กระถาง


ดอกไม้กระถางนี้ไงที่ปารย์ขอให้แม่ซื้อให้ ปารย์อยากมีดอกไม้ให้พ่อบ้าง


แม่แอบเห็นปู่มีน้ำตารื้นอยู่ที่ขอบตาด้วยหละ ปู่คงปลื้มใจ


ปารย์ยังคงไม่เข้าใจว่า การรับปริญญาคืออะไร แต่ก็สนุกกับการถ่ายรูปมากๆ
เพื่อนบ้านถามว่าปารย์ไปไหนมาหลายวัน ปารย์บอกว่า "ไปถ่ายรูปมาครับ"


แม่ถ่ายรูปหน่อย ปารย์จะกินนีโม่ครับ


ถ่ายรูปซะเหนื่อย พักหน่อยนะ


ปารย์ลองกิน ม้าน้ำหน่อยนะครับ


วันอาทิตย์ พ่อได้หยุดพัก 1 วัน ก่อนจะไปรับปริญญาในวันจันทร์ เราเลยได้ไปเที่ยวเขาเขียวกัน แม้ปารย์จะไปที่นี่มาแล้วหลายครั้ง แต่ปารย์ก็ยังสนุกเสมอที่ได้มาที่นี่ ก็ได้ใกล้ชิดน้องกวาง


น้องกระต่าย


พี่ยีราฟ ซะขนาดนี้




Thursday, November 22, 2007

"ปารย์ปิดเทอม (อีกแล้ว)"

...ด้วยช่วงนี้ ตารางเวลาของพ่อกับแม่ เกิดการทับซ้อนกัีนออกพื้นที่ ค่อนข้างรุนแรง หลังจากที่คอยพยายามปรับไปปรับ เลื่อนไปเลื่อนมา จนคุณทวด(ตาของพ่อมาด่วนจากไปกระทันหัน) พ่อเลยลงไปเป็นกำลังใจ กำลังกาย ช่วยงาน คุณย่าของปารย์

...ปารย์เลยอาศัยเวลาช่วงนี้ หนีไปอยู่กับยายที่บางพลัด เรื่องมันไม่แค่นั้น พ่อหลังจากกลับมาจากบ้านสงขลา ยังไม่กำหนดการ อีกยาวเหยียดไปจนถึง สิ้นเดือน แล้วเมื่อไรปารย์จะได้ไปหาครูแอร์ ซะทีละพ่อ (รอแม่กลับมาซิ พ่อคิด!!)

...ใกล้วันเกิดปารย์แล้ว ปารย์อุส่าห์รักษาสัญญา กวาดบ้านครบ 10 ครั้ง พ่อยังไม่มีเวลาไปหาไดโนเสาร์ให้ปารย์เลย เราไปดูด้วยกันเลยดีไหม๊ เซอร์พงส์ เซอร์ไพส์ ไม่ต้องก็ได้น๊อะ

Tuesday, November 13, 2007

พ่อตกหลุมพราง

...ปารย์อยากกินขนมปังกรอบ โดยขอให้พ่อไปเอาจานมาให้ "พ่อไปเอาจานมาให้หน่อย"
แต่พ่อไม่สนใจ ขณะที่แม่อยากให้ปารย์กินนม ปารย์บอกพ่อสอง-สามครั้ง พ่อต่อรองให้ปารย์กินนมให้หมดก่อน จึงจะไปเอาจานมาให้

...ปารย์เริ่้มใหม่ โดยเรียกพ่อมานั่งอ่านโปสเตอร์ กอ ไก่ ขอ ไข่ "พ่อมานั่งตรงนี้" ปารย์เรียก พ่อเห็นปารย์สนใจจะเรียนหนังสือ ก็ตามใจ ปารย์เริ่ม โดยชี้ไปที่ กอ ไก่ "นี่ตัวอะไร" ปารย์ถาม "กอ ไก่" พ่อบอก "เก่งมาก" ปารย์ชมพ่อ ไล่ไปที่ ขอ ไข่ ขอ ขวด ถึง คอ ควาย "งอ วัว" พ่อทดสอบปารย์ "เฮ้ย ผิดแล้ว ต้องเป็น คอ ควาย" ปารย์ร้อง แล้วทำท่าผิดหวังอย่างมาก ไล่ไปอีก คอ คน ฆอ ระฆัง งอ งู ปารย์ก็ชมพ่อ "เก่งมาก" ทุกตัว จนถึง จอ จาน ปารย์ชมอีก "เก่งมาก จอ จาน เหมือนอันนี้ พ่อไปเอามาเลย" พ่อถึงบางอ้อ หัวเราะซะตัวงอ พร้อมจำนน ไปเอาจานมาให้ปารย์ใส่ขนม

...ปารย์ยิ้ม เหมือนชนะแล้ว...

Sunday, November 11, 2007

สัญญานะ!!


ด้วยความที่อยากได้ไดโนเสาร์ตัวใหม่ (เป็นตัวที่กว่า 3,000) ปารย์พยายามรบเร้าพ่อกับแม่ให้ซื้อไดโนเสาร์ ไตรเซอราทอป ที่ท้อป ให้ พ่อให้ตั้งเงื่อนไขให้ปารย์กวาดบ้านให้ครบสิบวันก่อน แล้วพ่อจะซื้อให้

ไม่ทันฟังเงื่อนไขชัดดีเท่าไร (คนมันอยากได้) ปารย์ตกลงรับปาก พร้อมกับวิ่งไปคว้าไม้กวาด มากวาดอยากตั้งใจ แล้วหันมาถามว่า ซื้อได้แล้วยังไตรเซอราทอป พ่อเลยทำตารางคะแนนให้ปารย์เห็นว่า มีกี่วัน และเหลืออีกกี่วัน

เช้าวันถัดมา ปารย์ไม่พูดพล่ามทำเพลง วิ่งไปเอาไม้กวาดมากวาด ๆๆๆ บ้าน แล้วร้องเตือนให้พ่อขีดคะแนน พร้อมย้ำว่า ขีดอีกซิ เพราะปารย์กวาดหลายครั้ง

วันนี้วันที่สี่ ปารย์เริ่มเบื่อไม่อยากรอแล้ว รบเร้าจะเอาใหม่ แต่พ่อกับแม่ทวงหาสัญญากวาดบ้าน ปารย์เอานิ้วก้อยมาเกี่ยว บอกว่าสัญญา เสร็จแล้วก็จะไปเอาไดโนเสาร์ เพราะสัญญาแล้ว พ่อกับแม่ร้อง อ้าว!! สัญญาของปารย์หมายความว่าอย่างไร เหมือนสัญญาว่าจะจ่ายคืนหรือเปล่า

Friday, October 12, 2007

หนี มือ เท้า ปาก ไประนอง (ตอนจบ... ซะที)

ช่วงนี้ net ไปต่างประเทศที่บ้านเรามันช้า แม่เลยหน่ายกับการ update blog ปารย์เลย แต่เรื่องไประนองของพวกเรายังไม่จบเลย แม่ยังมีภารกิจต้องพาพวกเรากลับมาให้ถึงบ้านกันซะก่อน


ขากลับเราออกเดินทางจากระนองในตอนบ่ายๆ
และเลือกพักระหว่างทางที่รีสอร์ทเล็กๆ บนหาดทุ่งวัวแล่น
หาดสวย น้ำใส คนไม่พลุกพล่าน อาหารอร่อย ถูกใจกันทุกท่าน (โดยเฉพาะปารย์)






ปารย์มาหลายวัน คงคิดถึงเหล่าไดโนเสาร์ที่บ้าน ปารย์เลยขอให้แม่ปั้นไข่ไดโนเสาร์
ส่วนปารย์ทำหน้าที่เดินเก็บเปลือกหอยมาตกแต่งรัง

นอกจากข้อดีหลายข้อของหาดนี้ ที่เขียนถึงไปแล้ว อีกข้อที่ทำให้การเดินเล่นที่หาดสนุกมากขึ้น คือการมีสิ่งมีชีวิตหลายชนิดให้ปารย์ได้จับ ได้ดู ได้รู้ ได้เห็น อย่างเช่น...


ลวดลายศิลปะ ที่เกิดจากการกินอาหารของเหล่าปูทหาร

และนี่ ปารย์ เห็นจุดดำๆ ในน้ำนั่นไหม ตัวอะไรอะ





เจ้าปูทะเลนั่นเอง


ปารย์ :แม่!! หอยครับหอย มันเดินด้วยหละ
แม่: อิ อิ เจ้านี่มันคือ ปูเสฉวนครับ เป็นปูที่แบกเปลือกหอยไปทั่ว อาศัยเปลือกหอยเป็นที่หลบภัย


ปารย์: แม่ดูนี่ ดูนี่ ตัวสีขาวใสๆ ลอยไปลอยมา
แม่: ตัวนี้เรียกว่าหวีวุ้นครับ ปารย์อย่าไปจับนะ มันอาจทำให้คันได้


ปารย์: โห... มันโดนคลื่นซัดขึ้นมาบนหาดเต็มเลย
ปารย์นั่งดูหวีวุ้นเพลินๆ ก็เหลือบไปเห็น รอยอะไรบางอย่าง


รอยอะไรเอ่ย



อ้อ...เจ้านี่เอง ตัวต้นเหตุ





แล้วรอยนี่หละ ของใครเอ่ย





นี่ไง นี่ไง เจ้าของรอยหลบอยู่ในรูนี่เอง



เอ แล้วรอยนี้หละ มันคลับคล้ายคลับคลา ว่าเห็นอยู่บนพื้นถนนหน้าบ้านเราหละปารย์

ช่วงเช้าวันถัดมาพวกเราแวะไปเติมพลัง ที่ร้านติ่มซำในเมือง แหม! อะไรที่ไม่ได้ทำเองนี่มันอร่อยดีจัง นะปารย์
ถึงเวลากลับบ้านกันหละนะ พวกเรา

Friday, September 28, 2007

หนี มือ เท้า ปาก ไประนอง 3

เยี่ยมชมเชิงวิชาการไปสองรายการละ เพื่อเป็นการแนะนำประเทศไทยให้หนุ่มน้อยรู้จักมาขึ้น แม่กับน้าเอ๋เลยพา Moto และปารย์ ไปดูบ่อน้ำพุร้อน ที่มีชื่อเก๋มากๆว่า "สวนรักษะวาริน" ซึ่งถ้าแปลไทยเป็นไทยก็น่าจะแปลว่าสวนน้ำเพื่อการบำบัด รักษา เทือกนั้นแหละนะ


บ่อพ่อ ที่ดูน่าเกรงขามจนปารย์ไม่กล้าเข้าไปยืนใกล้ๆ ปากก็บ่นให้แม่ถ่ายรูปเร็วๆ ปารย์ร้อนครับ


ลานนี้กิ๊บเก๋ มาก เป็นลานให้คนมานั่ง นอน ตามอัธยาศัย แต่มีข้อแนะนำว่าไม่ควรนั่ง หรือนอนเกิน 30 นาที และควรนอนบนผ้าปู ก็มันไม่ใช่ลานนั่งเล่นนะครับ มันเป็นวานสุขภาพ ที่ด้านล่างเป็นอะไรไม่ทราบ แต่พื้นอุ่นตลอดเวลา จนปารย์ต้องขี่หลังแม่ตลอดเวลาที่อยู่บนลาน แม่มันร้อน แมมันร้อน...


พยายามทดลองเอาขาแตะนำอุ่น


ข้ามสะพานกันเถอะแม่
แล้วเราก็เดินข้ามสะพานตามปารย์ไปนั่งกินอาหารกลางวันเป็น ส้มตำ น้ำตก ที่ โคตระแพง แบบแม่ งง งง...

Thursday, September 27, 2007

หนี มือ เท้า ปาก ไประนอง2

อาทิตย์ที่ผ่านมา กิจกรรมเยอะไปหน่อย เลยไม่ได้มาเขียนเรื่องไประนองต่อ แฟนประจำเรียกร้องว่าเมื่อไรระนอง 2 จะออกซะทีแม่เลยได้ฤกษ์ซะที
จากสะพานปลา เราก็เดินทางไปศูนย์วิจัยป่าชายเลยที่คลองหงาวกัน ตามคำแนะนำของ อาจารย์พี่เอ๋ ใช้เวลาจากตัวเมืองระนองไม่นานเลย สมกับคำแนะนำจริงๆ ที่นี่เป็นป่าชายเลนอุดมสมบูรณ์จริง การจัดการเพื่อต้อนรับผู้มาเยือนก็พอเหมาะดี ที่สำคัญปารย์ก็ชอบ เราเดินดูป่าชายเลนกันแบบตากฝนพรำๆเลยแหละ ก็ที่นี่ระนองนี่นะ ถ้ามาแล้วไม่เปียกฝนก็น่าจะถือว่ายังมาไม่ถึงระนอง แม่เลยให้ปารย์อมวิตามินซีซะเลย ป้องกันหวัดไว้ก่อน




แม้ฝนตกพรำๆ ปารย์ก็ไม่พลาดที่จะโพสท์ท่าถ่ายรูป ดูท่าเขาซะก่อน เล่นเอา Moto อมยิ้ม


ตามบันไดทางลงมีมอสขึ้นอยู่เต็มไปหมด ปารย์เลยชี้ไปตลอดทางลงว่า แม่มอส แม่นี่ก็มอส....


นี่เป็นหลักฐานของความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลนคลองหงาว "แม่หอบ" จ้า
หลังจากดูบ้านของตัวแม่หอบ ปารย์เกิดอาการง่วงนอนและหลับไปซะเฉยๆ มันแค่ครึ่งทางเองนะลูก แม่เลยต้องรับบทหนัก เป็น " แม่แบก"และในเวลาต่อมาก็กลายเป็น " แม่หอบแฮก" ไปเลย


ถ่ายรูปกับป้ายตามระเบียบครับลูก


Monday, September 17, 2007

หนี มือ เท้า ปาก ไประนอง 1

ป้าอิมโทรมาหาแม่ในเช้าตรู่ของวันที่ 10 ว่าป้าอิมคงต้องปิดเนอสเซอรี่ ประมาณ 1 อาทิตย์เนื่องจากมีเด็กน้อย 1 คนมีการของโรค มือ เท้า ปาก ค่ะ เออ!! ทำไงดีวันที่ 12-14 ก.ย. แม่ต้องไประนองซะด้วยสิ
พ่อก็กลับบ้านเย็นคงจะไปรับปารย์ที่โรงเรียนช้าเกินไป
พ่อบอกว่า งั้นแม่ก็พาปารย์ไปด้วยละกัน เลยเป็นที่มาของ trip เลี้ยงลูกโชว์แขก (เฮ้ย!! ญี่ปุ่น)
แม่กับน้าเอ๋มีแผนจะต้องพาหนุ่มญี่ปุ่นหน้ามน MOTO คุง ไปดูสะพานปลาที่จังหวัดระนอง และพยายามสร้างสรร แผนนำชมประเทศไทย ให้ดูเป็นวิชาการ กึ่งท่องเที่ยว เราออกเดินทางกันในเช้าวันที่ 12 โดยรถของที่ทำงานแม่ ปารย์ดูตื่นเต้นกับน้าเอ๋มากกว่าตื่นเต้นเส้นทาง กว่าจะถึงระนองก็เกือบห้าโมงครึ่ง
เช้า 13 ก.ย.
เริ่มต้นที่สะพานปลาขององค์การสะพานปลาตั้งแต่ 0630 อ้อนวอนปารย์ตั้งนานให้ใส่รองเท้าบู๊ตสีเขียวคู่ใหม่ที่เพิ่งซื้อมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ปารย์ทำท่าไม่อยากใส่บ่นว่ามันหนัก แต่ถ้าปารย์ไม่ใส่แม่จะหนักนะลูกเพราะปารย์จะต้องให้แม่อุ้มแน่ๆ ถ้าเจอพื้นแฉะๆ อย่างสะพานปลา สุดท้ายเพื่อเห็นแก่แม่นะ ปารย์จึงยอม




บรรยากาศทั่วไปที่สะพานปลา
งานนี้ลุงสุธรรมหัวหน้าทีมขององค์การสะพานปลาที่ระนอง มาช่วยเป็นคนนำชม บรรยาย ตอบข้อซักถาม ลุงสุธรรมบอกว่า ปลาที่ขึ้นท่าขององค์การถือว่าเป็นปลาขึ้นห้าง จะได้ราคาสูงกว่าที่อื่น เหตุผลนี่แม่ก็ไม่ค่อยแน่ใจนะว่าทำไม
ปลาที่ขึ้นท่าที่นี่เป็นปลาสัญชาติพม่า ซะเกือบ 100% ลูกค้าที่มาประมูลก็เป็นมาเลเซียซะเกือบ 50% และคนงานก็เป็นพม่ากว่า 80% โห inter จริงๆ ท่าเรือนี้



โห หมึกเยอะแยะเลย ลุงสุธรรมบอกว่าปีนี้หมึกขึ้นมากเป็นพิเศษ
พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าปีนี้ทะเลน่าจะผิดปรกติ (ถูกเผ่งเลยค่ะ)
งานนี้แม่ต้องชมปารย์เลยนะ เพราะทำตัวน่ารักมากเดินตามอย่างว่าง่าย ไม่มีงอแง ตอนแรกลุงสุธรรมจะพาปารย์ขึ้นไปนั่งรอบนสำนักงานก่อน เพราะกลัวว่าเวลาเขาร่อนเข่งกันจะหลบไม่ทัน แต่อะนะปารย์ก็คือปารย์
ไม่มีทางยอม ก็เลยต้องพากันเดินบุกดงปลากัน



ปารย์ชอบดูเจ้าโรนันเป็นพิเศษ เรียกแม่ให้ดูอยู่หลายรอบ คงเพราะรูปร่างที่แปลกตาไปจากปลาทั่วไปแหละนะ

Sunday, September 16, 2007

เกาะเกร็ด



แรงบันดาลใจ หลังอ่านหนังสือ ก๊วนชวนเที่ยว ทำให้แม่นึกถึงเกาะเกร็ด ว่าแล้วก็ยกหูโทรศัพท์ชวน แก๊งเที่ยวเจ้าเก่า แหะๆ ได้มา 1 ครอบครัว เที่ยวนี้ทีมงานประกอบด้วย ครอบครัวที่ 1 ยายสมหญิง แม่เปิ้ล และ น้องปารย์ และครอบครัวที่2 แม่เปิ้ล และ น้องปิ้งปิ้ง




ที่ท่าเรือวัดสนามเหนือ เตรียมตัวข้ามเรือไปเกาะเกร็ด







บนเรือข้ามฝาก ราคาประหยัด ผู้ใหญ่คนละ 2 บาท เด็กคนละ 1 บาท น้องปิ้งๆทำหน้าไม่ค่อยดี แม่เปิ้ลบอกว่าน้องปิ้งกลัวเรือค่ะ แต่แป๊บเดียวนะเดี๋ยวเราได้สนุกกันแล้ว


กองทัพต้องเดินด้วยท้องใช่ม่ะ พวกเราเลยหม่ำทันทีที่มาถึงเกาะเกร็ด ด้วยทอดมันหน่อกะลา และดอกไม้ชุบแป้งทอด


เด็กๆ ได้รับแผนที่ไปคนละ 1 แผ่น แผนที่นี้แม่ download มาจาก http://www.thaitambon.com/


เราเดินตามเส้นทางด้านหลังพิพิธภัณท์ของวัดปรมัยยิกาวาส ดูจากในแผนที่คือพอขึ้นจากเรือ เราก็เดินตรงไปเรื่อยๆ จนถึงวัดเสาธงทองได้เส้นทางประมาณเกือบ 1ใน3 ของเส้นทางรอบเกาะเกร็ด ตลอดเส้นทางก็แน่นอน เต็มไปด้วยของอร่อยๆ เฉพาะที่พวกเราแวะชิมก็ ได้แก่ ข้าวแช่ ส้มตำ ถั่วแป้บเบญจรงค์ (มีสีของใบเตย บีทรูส แครอท อัญชัน และฟักทอง) มะดันแช่อิ่ม ปลานิลไร้ก้างแดดเดียว (ปารย์ชอบมาก)


มาเกาะเกร็ดทั้งมี ถ้าเด็กๆไม่ได้ดูการสาธิตการปั้น ก็เหมือนไม่ได้มาถึงเกาะเกร็ด สินะ


เราได้เดินเข้าไปดูการสาธิตของโรงปั้นหมู่6


เหมือนจะง่ายนะ แต่ไม่ใช่ คุณน้าช่างปั้น บอกว่า กว่าจะคล่องก็หัดกันเป็นปี ตอนนี้เขาปั้นชามแบบนี้ได้วันละ 300-400 ใบเลยทีเดียว เด็กๆ ท่าทางอยากลองมั่ง


ปั้นเส็จแล้วก็วางเรียงบนไม้เตรียมนำไปผึ่ง


กองนี้ผึ่งแล้วครับ รอเผา


โหเขากำลังเผาถ้วยอยู่เลยครับแม่ แม่ถ่ายเร็วๆ ปารย์ร้อน!!

ช่วงนี้เกาะเกร็ดเขามีงาน (ไม่รู้มีทั้งปีหรือเปล่านะ) มีสาวๆชาวเกาะมารำไทยแบบชาวมอญให้ดูกันด้วย แต่ละคนอ่อนช้อยซะ ปารย์ตะลึงไปเลยดูการแสดงสร็จแล้วดาราหน้ากล้องก็ Post สิค่ะ



พร้อมกับแผนที่ เด็กๆได้รับโจทย์คนละ 4 ข้อ ซึ่งเด็กๆ จะสามารถตอบได้ถ้าได้เดินดู เดินกิน เดินคุย ที่เกาะเกร็ด ไอเดียนี้อย่างที่บอกไว้แต่ต้น แม่ได้มาจากหนังสือ ก๊วนชวนเที่ยว เท่าที่ประเมินดูจากความสนใจของเด็กๆ แม่คิดว่าไอเดียนี้ผ่านนะ เอามาใช้ได้อีกหลายงาน


แฮะๆ trip หน้าที่ไหนดีลูก