Monday, April 24, 2006

สัปดาห์แรก โรงเรียนปานตะวัน!!

หลังจากวันแรกผ่านไปด้วยดี (แม่นะดี ปารย์ไม่รู้ดีด้วยหรือเปล่า) เป็นหน้าที่ของพ่อ ที่พาลูกปารย์ไปส่งโรงเรียน
วันแรก เราไปถึงกันแต่เช้า เพราะพ่อยังกะไม่ถูกว่าต้องขับรถ สักกี่นาที ลูกปารย์ไปโรงเรียนคนแรกเลย เริ่มด้วยการเล่น สารพัดของเล่นที่ลานของเล่นกลางแจ้ง (มันน่าจะมีป้ายบอกหน่อยนะ สนามเด็กเล่นชินวัตร อะไรทำนองนั้น) แต่พอถึงเวลาที่ต้องเข้าห้องสัปรด ปารย์ก็เริ่มเล่นบทพระยาโศก แถมกอดรัดอยู่กับพ่อ ไม่ยอมไปหาคุณครูณี ร้องไห้ไป 1 ยก

วันต่อมาเป็นวันหยุด ตื่นสายกันตามสบาย พ่อลูก นอนกันอืด ตกเย็นเพราะความที่ปารย์ไม่ยอมนอนกลางวัน เลยสร้างวีรกรรมหลับคาอานจักรยาน ซึ่งนั่งซ้อนพ่อออกไปเที่ยวกันหน้าหมู่บ้าน กว่าพ่อจะเข็นจักรยานพร้อมกับอุ้มปารย์ที่หลับอยู่ถึงบ้านได้ มันแย่จริงๆนะ

วันที่สามของปานตะวันสำหรับปารย์ ดูเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างเลวร้ายลง ความที่นอนดึก พ่อจึงต้องปลุกปารย์ไปอาบน้ำ ด้วยอาการหงุดหงิดเอามากๆ เอาน่าวันศุกร์แล้ว วันพรุ่งนี้ก็ไปเที่ยวบ้านยายแล้ว พ่อบอกปารย์ (นึกในใจ ปารย์จะรู้ไหม๊นะ)
แค่พ่อเลี้ยวรถเข้าประตูโรงเรียน ปารย์ก็จำได้ เริ่มโวยวาย ไม่เอา ไม่เอา ชี้ไปที่ประตูโรงเรียน ยิ่งพ่อลงจากรถ ปารย์พยายามบังคับพ่อให้นั่งประจำที่คนขับ ทั้งน้ำตาและเสียงโวยวาย หนีลนลานไปอีกด้านของรถ น่าสงสารซะจริงๆ อดคิดไม่ได้ว่าคุณครูทำอะไรปารย์นะ จึงได้ไม่ถูกใจเอาขนาดนี้ แต่นั่นแหละพ่อก็จำใจส่งปารย์ ให้คุณครูวรรณอุ้มไปห้องเรียน ทั้งน้ำตาทั้งเสียงโวยวาย แย่จริงๆเลย พ่อขับรถออกไปด้วยความเครียด....

Saturday, April 22, 2006

17 เมษายน 2549

เปล่าไม่ได้มีความสำคัญทางการเมือง อะไรกับประเทศไทย แต่เป็นวันที่ชีวิตน้องปารย์ ก้าวไปอีกก้าว ด้วยน้ำตา และเสียงหวีดร้อง (ประชาธิปไตย ไม่เคยได้มาด้วยการ เจรจา อย่างสันติ ใครกล่าวไว้ ทำไม!)

ไม่ใช่! ไม่ใช่การเมือง เอ๊ะ พูดไม่ฟัง!! แต่เป็นวันแรกที่น้องปารย์ ต้องย้ายการใช้ชีวิตประจำวันจาก บ้านเด็ก อันอบอุ่น (พ่อว่าบางวัน มันค่อนไปทางร้อนนะ) ไปสู่โลกกว้างที่โรงเรียนอนุบาลปานตะวัน (แต่มันก็ยังมีรั้วอยู่ดี อย่าแปลกใจไปเลย ประเทศจีนมันยังมีกำแพงเลย ลูก!!) วันแรกลูกปารย์ ใช้ชีวิตในโรงเรียน ย้ำโรงเรียน โดยมีแม่เปิ้ล คอยเป็นกำลังใจ อยู่ห่างๆ จากคำบอกเล่าของผู้เป็นแม่...

(ต้องอ่านดัดเสียงนิดนึงนะ) เออเดี๊ยนว่า... ไม่แม่ไม่เคยพูดคำนี้ แม่เล่าว่าลูกปารย์ ออกอาการงง!พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการเข้าแถวฟังเพลงชาติ คือต้องเข้าใจ ครั้งแรกของชีวิต แต่เป็นเพลงชาติไทย ประสานกับเสียงสะอื้นไห้ ของเพื่อนร่วมชั้น ปารย์เข้าใจ ว่าต้องประสานเสียงเพื่อความไพเราะ แต่ทำไมต้องแสดงกันจริงจัง มีน้ำตากันเห็นๆ ขนาดนั้น สวดมนต์ ออกกำลังกาย หน้าเสาธง (มันยังมีอยู่อีกหรือ พ่อนึกว่า มติ ครม. อนุมัติให้ยกเลิกไปนานแล้ว) เพื่อนร่วมห้องยังประสานเสียงเหมือนเดิม จนเข้าห้องสัปรด อ้อ แม่บอกว่าปารย์เรียนอยู่ห้องสัปรด (ครูคงเข้าใจ ว่าเด็กทุกคน อยากลองเรียนห้องสัปรดดูสักที เลยจัดให้ตั้งแต่ปีแรก จะได้ลองห้องอื่นๆ ต่อไป) ลูกปารย์เห็นคุณครูนี นำเพื่อนร่วมห้อง ทำโน้น ทำนี่ โต๊ะครูว่างอยู่นิ ปารย์เลยขอยึดเป็นทำเล สังเกตการณ์ อยู่ตรงนี้แหละ แม่เล่าต่อว่า ปารย์ได้กินก๋วยจั๊บ ที่อร่อยที่สุดในชีวิต (ดูจากปริมาณที่กินเข้าไป หรือหิวจน อะไรก็ได้มั๊ง... หลังมื้อเที่ยง คุณครูก็จัดให้ เพื่อนร่วมห้อง อ้าว!ปารย์ด้วยเหรอ นอน น้องปารย์ มานอน....

วันแรกแม่นั่งรถตู้กับปารย์ กลับไปรอพ่อที่บ้านเด็กด้วย วันนี้สนุกจริงๆ เลย แม่ว่า.....อ้าว

วันต่อมาถึงเวรพ่อไปส่ง แม่ติดภารกิจทัวร์ต่างประเทศ.....แล้วจะมาเล่าให้อ่านกันนะ