Saturday, April 22, 2006

17 เมษายน 2549

เปล่าไม่ได้มีความสำคัญทางการเมือง อะไรกับประเทศไทย แต่เป็นวันที่ชีวิตน้องปารย์ ก้าวไปอีกก้าว ด้วยน้ำตา และเสียงหวีดร้อง (ประชาธิปไตย ไม่เคยได้มาด้วยการ เจรจา อย่างสันติ ใครกล่าวไว้ ทำไม!)

ไม่ใช่! ไม่ใช่การเมือง เอ๊ะ พูดไม่ฟัง!! แต่เป็นวันแรกที่น้องปารย์ ต้องย้ายการใช้ชีวิตประจำวันจาก บ้านเด็ก อันอบอุ่น (พ่อว่าบางวัน มันค่อนไปทางร้อนนะ) ไปสู่โลกกว้างที่โรงเรียนอนุบาลปานตะวัน (แต่มันก็ยังมีรั้วอยู่ดี อย่าแปลกใจไปเลย ประเทศจีนมันยังมีกำแพงเลย ลูก!!) วันแรกลูกปารย์ ใช้ชีวิตในโรงเรียน ย้ำโรงเรียน โดยมีแม่เปิ้ล คอยเป็นกำลังใจ อยู่ห่างๆ จากคำบอกเล่าของผู้เป็นแม่...

(ต้องอ่านดัดเสียงนิดนึงนะ) เออเดี๊ยนว่า... ไม่แม่ไม่เคยพูดคำนี้ แม่เล่าว่าลูกปารย์ ออกอาการงง!พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการเข้าแถวฟังเพลงชาติ คือต้องเข้าใจ ครั้งแรกของชีวิต แต่เป็นเพลงชาติไทย ประสานกับเสียงสะอื้นไห้ ของเพื่อนร่วมชั้น ปารย์เข้าใจ ว่าต้องประสานเสียงเพื่อความไพเราะ แต่ทำไมต้องแสดงกันจริงจัง มีน้ำตากันเห็นๆ ขนาดนั้น สวดมนต์ ออกกำลังกาย หน้าเสาธง (มันยังมีอยู่อีกหรือ พ่อนึกว่า มติ ครม. อนุมัติให้ยกเลิกไปนานแล้ว) เพื่อนร่วมห้องยังประสานเสียงเหมือนเดิม จนเข้าห้องสัปรด อ้อ แม่บอกว่าปารย์เรียนอยู่ห้องสัปรด (ครูคงเข้าใจ ว่าเด็กทุกคน อยากลองเรียนห้องสัปรดดูสักที เลยจัดให้ตั้งแต่ปีแรก จะได้ลองห้องอื่นๆ ต่อไป) ลูกปารย์เห็นคุณครูนี นำเพื่อนร่วมห้อง ทำโน้น ทำนี่ โต๊ะครูว่างอยู่นิ ปารย์เลยขอยึดเป็นทำเล สังเกตการณ์ อยู่ตรงนี้แหละ แม่เล่าต่อว่า ปารย์ได้กินก๋วยจั๊บ ที่อร่อยที่สุดในชีวิต (ดูจากปริมาณที่กินเข้าไป หรือหิวจน อะไรก็ได้มั๊ง... หลังมื้อเที่ยง คุณครูก็จัดให้ เพื่อนร่วมห้อง อ้าว!ปารย์ด้วยเหรอ นอน น้องปารย์ มานอน....

วันแรกแม่นั่งรถตู้กับปารย์ กลับไปรอพ่อที่บ้านเด็กด้วย วันนี้สนุกจริงๆ เลย แม่ว่า.....อ้าว

วันต่อมาถึงเวรพ่อไปส่ง แม่ติดภารกิจทัวร์ต่างประเทศ.....แล้วจะมาเล่าให้อ่านกันนะ

1 comment:

Mae Parn said...

ไปโรงเรียน ครับ ไปโรงเรียน!!! อันนี้แม่เขียนเอง
เป็นเด็กเป็นเล็กนี่ก็มีโอกาส ทำอะไรครั้งแรกได้บ่อยกว่าผู้ใหญ่เหนอะ และเนี่ยก็เป็นอีกหนึ่งครั้งแรก ซึ่งแม่ถือว่าเป็นอีกก้าวใหม่ ก้าวใหญ่ๆ สำหรับขาเล็กๆของลูกปารย์ การไปโรงเรียนวันแรก ที่โรงเรียนอนุบาลปานตะวัน ของน้องปารย์แม่ตื่นเต้นมากกว่าปารย์ซะอีกนะ กังวลไปหมดว่าปารย์จะอยู่ยังไง จะบอกครูไหมว่าผมหิว ผมปวดฉี่ ผมปวดอึ เพราะอยู่กับแม่ปารย์ยังไม่ค่อยจะยอมบอกเลย ข้าวก็ยังตักเองไม่ค่อยเป็น กลัวจะหิว กลัวจะไม่มีใครดูแลพาไปล้างก้น แต่อีกใจหนึ่งพ่อกับแม่ก็อยากให้ปารย์ได้มีโอกาสทำกิจกรรมต่างๆเพื่อพัฒนา พัฒนาการตามวัยของเด็ก 2 ขวบ กว่าๆ ซึ่งที่บ้านเด็ก ไม่มีกิจกรรมเหล่านี้
บรรยากาศวันแรก ของโรงเรียนปานตะวันเนี่ย สำหรับแม่นะ มันชวนให้ใจเสียเอามากๆ เด็กๆ ร้องกันกระจองอแง นี่ขนาดว่าเป็นการเรียนภาคฤดูร้อนสัปดาห์ที่สามแล้วนะ เขาเปิดเรียนกันไปสองสัปดาห์แล้วแต่แม่รู้สึกไม่อยากให้ปารย์เริ่มวันแรกพร้อมกับเด็กคนอื่นๆ เพราะวันแรกแม่คาดว่าน่าจะมีเด็กมากกว่า 80% ที่ร้องไห้ ไม่อยากให้ลูกใจเสีย และไม่อยากหักหานน้ำใจบ้านเด็กที่จู่ๆ ก็ย้ายปารย์ออกมาโดยไม่บอกล่วงหน้า แต่แม้ว่าเวลาจะผ่านไปสองอาทิตย์ ก็ยังมีเด็กๆที่ร้องไห้ไม่อยากไปโรงเรียนอยู่เป็นจำนวนมากพอดู แม่เห็นแล้วก็น้ำตาซึมสงสารลูก สงสารเด็กๆ แต่ก็มานึกได้ว่าเนี่ย เด็กๆเขามาโรงเรียนกันเพื่อพัฒนาการที่ดีในอนาคตนะ ไม่ได้มาโดนทรมาน เราเป็นแม่ต้องคอยให้กำลังใจเขา ไม่ใช่มาสงสารเขา มันคนละเรื่องกัน