เอาหละแดดร้อนแล้ว เข้าไปดูความอลังการข้างในพิพิธภัณฑ์ที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งเรียนรู้ซากดึกดำบรรพ์ที่สมบูรณ์ที่สุด
ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กันดีกว่า
เปิดประตูเข้าไป ไอเย็นช่ำจากเครื่องปรับอากาศเข้ามาปะทะทันที จากนั้นเราก็มาเจอด่านต้อนรับแขกด้วยเจ้าหน้าที่หน้าตายิ้มแย้ม พร้อมกลิ่นกาแฟหอมกรุ่นที่อยู่ในมือ เล่นเอาพ่อกับแม่มองหน้ากันเพราะความอยากกาแฟพุ่งขึ้นมาทันที
เช้าๆอย่างนี้ กาแฟสักแก้วหละเยี่ยม แถวที่พักก็หาไม่ได้ซะด้วย หลังจากลงชื่อเยี่ยมชมเรียบร้อยแล้ว แม่ก็สอบถามเจ้าหน้าที่ว่ากาแฟนี้ท่านได้แต่ใดมา มีร้านขายที่นี่ไหม ได้ความว่าร้านเปิด 10:00 เออ!! รอไปก่อน
รู้จากเจ้าหน้าที่ว่าเดือนหน้าสมเด็จพระเทพฯ จะเสด็จมาเปิดอย่างเป็นทางการ ช่วงนี้ก็เปิดบริการให้ประชาชนเข้าไปแสวงหาความรู้ได้ตามความพอใจ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
นี่...อลังการไหม ต้อนรับลูกปารย์ด้วย สยามโมไทรันนัส อิสานเอนซิส ที่ใครๆเข้ามาก็ต้องขอถ่ายรูปด้วย ดูชื่อก็บอกเลยนะว่าเป็นไดโนสายเลือดสยาม
นิทรรศการข้างในมีด้วยกันถึง 8 โซน ตั้งแต่จักรวาล และโลก ต่อมาก็สิ่งมีชีวิตแรกปรากฏ สิ่งมีชีวิตในยุคต่างๆ เรื่อยมาจนสุดท้ายคือเรื่องของมนุษย์ อันที่จริงแม่ถ่ายรูปไว้เยอะ แต่แสงข้างในไม่ค่อยเหมาะกับกล้องของเรา ภาพที่พอจะดูได้มันน้อยจัง
แฮ่ๆๆ ถ่ายรูปกับกระดูกไดโนเสาร์ที่ไม่รู้เกิดที่ไหน แต่ที่แน่ๆมาทิ้งกระดูกไว้ที่แผ่นดินอิสาน
ได้ความรู้จากแผ่นพับที่ได้รับแจก และแผ่นป้ายตามจุดต่างๆ ความว่ากระดูกเจ้ายักษ์ใหญ่เหล่านี้ล้วนเป็นแบบจำลองกระดูกไดโนเสาร์ที่พบซากในประเทศไทยทั้งสิ้น ซึ่งที่พบในปัจจุบันมี 16 สายพันธุ์ โดยมี 5 สายพันธุ์ที่ยังไม่พบอีกที่ใดในโลก
มุมนี้ มักมีอยู่ในกล้องของหลายๆคน
อีกหนึ่งมุมโปรดของปารย์ที่จำลองบรรยากาศโลกล้านปีในยุคต่างๆ พ่อกับแม่ต้องเดินวนเวียนอ่านให้ปารย์ฟังอยู่หลายรอบ
คืนแรกที่กาฬสินธุ์ ปารย์มีไข้ สงสัยจะตรากตรำไปหน่อย แม่กับพ่อเลยต้องผลัดกันตื่นมาเช็ดตัวให้ปารย์ หลังจากนอนหลับพักผ่อนเต็มที่ ปารย์ก็สร่างไข้และไปเที่ยวแดนไดโนกันต่อ
ก่อนหน้าที่จะมีการสร้างพิพิธภัณฑ์สิรินธรนี้ ทางวัดสักกะวันซึ่งเป็นวัดที่ตั้งอยู่ในบริเวณที่เป็นแหล่งกระดูกไดโนเสาร์ก็ได้มีการสร้างพิพิธภัณท์ และปั้นหุ่นไดโนเสาร์ชนิดต่างๆ ไว้ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ของประชาชน เจ้าอาวาสของวัดนี้ให้ความสำคัญกับการศึกษาไดโนเสาร์มากทีเดียว และท่านก็เป็นคนแรกที่พบกระดูกไดโนเสาร์ในบริเวณนี้
หลังจากเยือนด้านในพิพิธภัณฑ์สิรินธรซะเป็นที่พอใจของปารย์แล้ว เราก็เข้าไปที่วัดซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกันนั่นเอง
(ในที่สุดก็มีคนสังเกตุว่า ภาพที่แม่ใช้ปารย์ใส่ชุด 2 ชุดสลับกันไปมา แหะๆ ก็ภาพมาจาก 2 วันที่กาฬสินธุ์ หนะ แต่แม่ไม่อยากเขียนให้เป็นบันทึกประจำวัน เอาแค่สรุปๆนะ ภาพเลยไม่ต่อเนื่องเท่าไร)
ด้านหน้าบ่อกระดูกไดโนเสาร์ ในเขตของวัดสักกะวัน
ที่นั่งน่ารักนี้ ไม่ได้แต่ถูกใจปารย์เท่านั้น แต่ยังถูกใจแม่กับพ่อด้วย
ภาพนี้เป็นกระดูกจริงของไดโนเสาร์ในหลุมขุด (เอจะเห็นไหมเนี่ยมันมืดจัง) นักวิจัยสัณนิฐานว่าบริเวณนี้เป็นแม่น้ำ และเจ้าไดโนเสาร์เด็กตัวนี้อาจจะจมน้ำตายขณะพยายามข้ามแม่น้ำ ข้อมูลนี้ได้มาจากป้ายอธิบายต่างๆ และจากมัคคุเทศน์น้อย นักเรียนโรงเรียนสหัสขันธ์ที่พยายามอธิบายเรื่องราวต่างๆได้น่าประทับใจจริงๆ
เจ้าพาราซอโรโลฬัศตัวนี้อยู่ในบริเวณของวัด สีสันดูจะซีดสักหน่อยเพราะรับใช้ประชาชนมานาน
ก่อนกลับที่พักแวะไปที่สวนหย่อมเล็กข้างๆ ศูนย์โอทอปร้าง ในบริเวณนี้มีไดโนปั้นอยู่หลายตัวเหมือนกัน แต่ที่สะดุดตาหนะก็นี่ต่างหาก
นี่ไงโคมไฟไดโน เจ๋งจริงๆ แต่ที่น่าเสียดายคือมีหลายตัวที่แตกเสียหาย คล้ายโดนขว้างปา เศร้าจริงคนไทย
ความประทับใจอีกอย่างของการมากาฬสินธุ์ครั้งนี้คือน้ำใจค่ะ น้ำใจของเจ้าของริมทุ่งรีสอร์ทที่เราพักอยู่ แกใจดีราวกับเราเป็นญาติ เริ่มต้นจากให้เรายืมมอเตอร์ไซด์ไว้ใช้โดยไม่เก็บค่าเช่า ให้ลูกชายพาเราเที่ยวบริเวณรีสอร์ท และยังพาเราไปส่งที่ท่ารถทัวร์อีกต่างหาก
เสียดายที่ไม่ได้ขออนุญาติเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก แต่อย่างไรก็ตามเราสามคนก็จำน้ำใจงามของครับครัวพี่เขาได้เสมอ พ่อบอกว่าถ้าปีหน้าถ้าปารย์ยังสนใจไดโนเสาร์อยู่เราก็น่าจะไปเยือนสหัสขันธ์อีก
1 comment:
...ผจญภัยได้ความรู้...
เอามาสอนน้าเอ๋มั่งนะน้องปารย์
Post a Comment